ฟังให้ชัด "พิธา" ย้ำไม่ห่วงหุ้นสื่อ มั่นใจจัดตั้งรัฐบาลได้ บอก "แรมโบ้" คนแพ้ต้องยอมแพ้

ฟังให้ชัด "พิธา" ย้ำไม่ห่วงหุ้นสื่อ มั่นใจจัดตั้งรัฐบาลได้ บอก "แรมโบ้" คนแพ้ต้องยอมแพ้

ฟังให้ชัด "พิธา" ย้ำไม่ห่วงหุ้นสื่อ มั่นใจจัดตั้งรัฐบาลได้ บอก "แรมโบ้" คนแพ้ต้องยอมแพ้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"พิธา" ย้ำไม่ห่วงปมหุ้นสื่อ มั่นใจเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลได้ สวน "แรมโบ้" บอกปกติคนแพ้เลือกตั้ง ต้องยินดีคนชนะ และส่งมอบงานรัฐบาลใหม่ ยัน 100 วันแรก จะมีการเจรจาขึ้นค่าแรง 450 บาท ผ่านไตรภาคี

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เปิดเผยความคืบหน้ากรณีถูกร้องเรื่องถือหุ้นสื่อว่าได้ตรวจสอบกับทางพรรคแล้วขณะนี้ กกต.ยังไม่มีการเรียกเข้าชี้แจง พร้อมย้ำว่าหากตัดสินกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมทั้งเรื่องหลักฐาน และเรื่องทางกฎหมาย คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล

ส่วนที่คาดการณ์ว่ากกต.จะรับรอง ส.ส.ได้กลางเดือนมิถุนายนนี้ หากกกต.ไม่สามารถรับรอง ส.ส.ของพรรคก้าวไกลได้ทั้ง 151 คน จะส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น นายพิธาระบุว่าเข้าใจว่าตามกฎหมายจะรับรองได้ช้าสุดในวันที่ 13 กรกฎาคม หากช้าไปก็ติดกระดุมเม็ดแรกไม่ได้ ไม่สามารถเปิดสภา เลือกประธานและรองประธานสภาได้ ก็จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะทำให้ประชาชนเรียกร้องให้ กกต.ทำให้เร็วมากขึ้น ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน

ส่วนกระแสข่าวที่ว่าที่ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลถูกร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่อาจส่งผลให้ กกต.ไม่ประกาศรับรองบ้างหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ตัวเลข ส.ส.ไม่ถึง 151 คนนายพิธากล่าวว่าเท่าที่เห็นมีเรื่องของนางสาว ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.ปทุมธานี แต่น่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับมาตรา 112

ซึ่งตนยังไม่ได้ดูรายละเอียดกับทีมกฎหมายว่ามีประเด็นอะไรบ้าง แต่ก็ต้องให้กำลังใจกับนางสาวชลธิชาที่ต้องขึ้นศาลโดยไม่มีทนายในเรื่องมาตรา 112 และหวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ได้เข้าไปทำงานรับใช้ชาวปทุมธานีร่วมกับเพื่อนส.ส.คนอื่น ๆ ที่ได้รับเลือกตั้งมา

ส่วนกรณีพันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งโพสต์กรณีตัวอย่างว่าหากเป็นหัวหน้าพรรคแต่พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.จะไม่มีผลสืบเนื่องต่อการรับรองการส่ง ส.ส.ของพรรค นายพิธาระบุว่ายังไม่เห็นรายละเอียดเรื่องนี้ อาจจะยังให้ความเห็นไม่ได้

แต่ฟังจากความเห็นของนักวิชาการและ อดีต กกต. บอกว่ามีกฎหมาย ที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครผิดพลาดอะไร แล้วที่เหลือจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังมั่นใจในรายละเอียดของตัวเอง และมั่นใจจะต้องรัฐบาลได้ ทุกอย่างมีความสม่ำเสมอ และไปไหนเลยแนวโน้มที่ดี หาก กกต. รับรองได้เมื่อไหร่คาดว่าจะประชุมสภาได้โดยเร็ว และตามเวลาก็จะตั้งรัฐบาลได้

ส่วนกระแสข่าวว่าการพูดคุยเรื่องประธานสภาได้ข้อสรุปแล้วว่าเป็นนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น นายพิธาระบุว่านายแพทย์ชลน่านได้ออกมาบอกผ่านทวิตเตอร์แล้วว่าคำว่าจบแล้วมีนิยามของมันอยู่ ไม่ได้หมายความว่าจบที่ตัวบุคคล แต่ในความขัดแย้งมีกระบวนการในการแก้ไขปัญหา ว่าจะทำอย่างไรให้เป็นประธานสภาของประชาชน

ดังนั้นคงมีการพูดคุยกัน โดยยังคงยืนยันการให้สัมภาษณ์ของนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลที่ เป็นทีมเจรจาบอกไว้ว่าจะมีความชัดเจนในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ และสิ่งที่นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ โพสต์เอาไว้ไม่เป็นความจริง

ส่วนกรณีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาเตือนพรรคก้าวไกลที่เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล ว่าระวังฝันค้าง ยังต้องเจออีกหลายด่านกว่าจะตั้งรัฐบาลได้นั้น นายพิธาระบุว่าตนยังไม่ได้ฟังสัมภาษณ์ของนายเสกสกล

แต่ได้เห็นการให้สัมภาษณ์ของนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงขอพูดด้วยความเข้าใจว่าเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจแล้วตามปกติคนที่แพ้เลือกตั้งจะต้องยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้ง ยอมแพ้ และส่งมอบงานให้รัฐบาลค่อไปหากเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง คงไม่หลุดไปจากหลักการนี้ แต่อาจมีการพูดคุยกันของสภาล่างกับสภาสูงน่าจะเป็นไปในลักษณะนั้นมากกว่า

นายพิธายังกล่าวถึข้อห่วงกังวลของประธานสภาแรงงานเรื่องค่าแรง 450 บาท ว่าหากรัฐบาลพรรคก้าวไกลไม่สามารถทำได้ใน 100 วันแรก อาจจะมีกลุ่มแรงงานไปยื่นร้อง กกต. ว่าสัญญาว่าจะให้แต่ทำไม่ได้ โดยยืนยันว่าในช่วง 100 วันแรกตามกฏหมายจะต้องให้ไตรภาคี คือ ลูกจ้าง 5 คน -นายจ้าง 5 คน-ฝ่ายของรัฐ 5 คน พูดคุยกัน

หากลูกจ้างเห็นว่าค่าแรง 450 บาทเป็นจำนวนที่เหมาะสม หากจะได้ 10 วันต่อเดือนหรือ 20 วันต่อเดือนก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาทำงานของแต่ละคน ก็ยังไม่ถึงจำนวน 10,000 บาท และขณะนี้ค่าของชีพสูงมากในการใช้ชีวิต จึงเชื่อว่าจะสามารถเป็นไปได้ใน 100 วันแรก จะมีการเจรจากันเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องพูดคุยกับนายจ้างและผู้ประกอบการ ที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง และเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงาน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook