พูดจริงเกินไป! "ชูวิทย์" ยอมรับ ถูกเบรกจ้อการเมือง ถึงรู้ว่าใครจะตกม้าตายก็พูดไม่ได้

พูดจริงเกินไป! "ชูวิทย์" ยอมรับ ถูกเบรกจ้อการเมือง ถึงรู้ว่าใครจะตกม้าตายก็พูดไม่ได้

พูดจริงเกินไป! "ชูวิทย์" ยอมรับ ถูกเบรกจ้อการเมือง ถึงรู้ว่าใครจะตกม้าตายก็พูดไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ชูวิทย์" ยอมรับถูกผู้ใหญ่สั่งเบรกวิจารณ์การเมือง แม้รู้ว่าใครจะตกม้าตายก็คงพูดไม่ได้ ย้ำอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้า เชื่อ "พิธา" แจงปมหุ้นสื่อได้

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองไทย กล่าวถึงประเด็นการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี หลังมีการวิเคราะห์ว่าอาจจะส่งผลให้ตัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และหมดสิทธิ์การเป็นนายกรัฐมนตรีและต้องจัดการเลือกตั้งใหม่เกือบทั่วประเทศว่าว่า ตนเชื่อว่าอนาคตจะมีการต่อสู้กันทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีการถือครองหุ้นสื่อว่าจะสามารถสู้ได้หรือไม่ ซึ่งฝั่งของก้าวไกลเองก็มั่นใจว่าจะสามารถสู้ได้ ส่วนอีกฝั่งก็บอกถึงขั้นว่าจะไปถึงขั้นที่ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ ตนในฐานะคนดูเป็นห่วงและเป็นกังวลเนื่องจากว่าระยะเวลาเกือบ 2 เดือน กว่าจะมีของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในระหว่างนี้ก็มีความไหวอยู่เรื่อย

ดังนั้นตนจึงไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเมืองหนักได้ เพราะว่ามีผู้ใหญ่กำชับมาว่าอยากให้ดำเนินการไป ส่วนจะมีใครตกม้าตายหรือไม่นั้น ขอพูดตรงๆ ว่าถึงแม้จะรู้แต่ก็คงไม่สามารถพูดได้ เหตุที่พูดไม่ได้เพราะอยากให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ไม่อยากให้มาเลือกตั้งใหม่ แต่มุมการเมืองต้องถามนักการเมืองเพราะนักการเมืองจะมองสอดคล้องกัน แต่ยืนยันว่าเรื่องของการเมืองก็ยังคงพูดอยู่ แต่ต้องเข้าใจว่าเวลาตนเองพูดจะพูดตรงและจริงเกินไป

นายชูวิทย์ ยังกล่าวว่า เป็นกังวลและเป็นห่วงกรณีหากกรณีหุ้นสื่อหากศาลชี้ขาดคุณสมบัติแล้วจะกระทบทั้งพรรค แต่ถ้าหากพูดเยอะเกินไปสังคมก็หาว่าตนเลือกฝั่งโน้น ฝั่งนี้ ซึ่งไม่อยากจะพูด อยากให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ อยากจะให้นายพิธาเป็นนายกฯ อยากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ตนสนับสนุน ซึ่งกว่าไปถึงขั้นตอนนั้นได้ ก็มีขั้นตอนต่างๆในการตรวจสอบ และเชื่อว่าจะสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้

ส่วนประเด็นร้านกัญชาตั้งใกล้สถานศึกษา การที่กรมการแพทย์แผนไทย ประกาศจดหมายถึงกรณีมีการปิดร้านกัญชาที่บริเวณโรงเรียนเซนต์โยเซฟ สีลม หลังมีการพักใช้ใบอนุญาตให้จำหน่ายสมุนไพร ซึ่งตนเองมองว่าไม่ได้ถูกปิดเพราะเปิดใกล้โรงเรียน แต่ถูกปิดเพราะไม่ได้ชี้แจงวัตถุประสงค์การใช้งาน และที่มาของการจ่ายสมุนไพรดังกล่าว โดยมองว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังคงไม่เข้าใจกระบวนการ และดำเนินการเป็นประเด็น ตีมึนใช้กฎหมาย อ้างสาเหตุ ไม่รายงาน การใช้งานเกี่ยวกับสมุนไพร จึงทำการให้ปิดร้านกัญชา

ซึ่งล่าสุด นายชูวิทย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณใกล้โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ก็ยังเจอร้านกัญชาที่มีการเปิดขายอยู่บริเวณริมถนนเจริญกรุง อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่ไกล ในวันนี้จึงได้เรียนผ่านสื่อมวลชน ไปยังกรมธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้คำนึงและตระหนักถึงกฎระเบียบในการควบคุม หากไม่มีการจัดการอย่างเด็ดขาด ผู้ปกครองอาจจะเกิดความไม่พอใจที่ปล่อยให้มีการเปิดร้านกัญชาใกล้สถานศึกษา จึงเน้นย้ำว่าควรมีวิธีการป้องกัน ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่คุณชูวิทย์ ยังคงติดตามอยู่ และจะรายงานความคืบหน้าไปยังสื่อมวลชนเป็นระยะ

 

 

 

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook