ตรึงกำลังพันนายคุ้มเข้ม3จ.ใต้รับอภิสิทธิ์เปิดถนน

ตรึงกำลังพันนายคุ้มเข้ม3จ.ใต้รับอภิสิทธิ์เปิดถนน

ตรึงกำลังพันนายคุ้มเข้ม3จ.ใต้รับอภิสิทธิ์เปิดถนน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุเทพ เผยเตรียมนำ ครม.ลงใต้หวังสร้างความสุขคนในพื้นที่ ทหารตรึง 3 จังหวัดแดนใต้วางกำลัง 1,000นาย รับคณะนายกฯเปิดถนน 418 เชื่อมปัตตานี-ยะลา พร้อมสั่งเกาะติดแนวร่วม 24ชั่วโมงกดดันห้ามเคลื่อนไหว

(6 ม.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการนำคณะนายกรัฐมนตรี พร้อมสื่อมวลชนลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐบาลต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต และรายได้ของประชาชนในพื้นที่ ชาวแดนภาคใต้ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติยศศักดิ์สรีและมีความสุขได้มาตรฐาน โดยตนจะนำนายกฯไปดูการทำงานและการพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่างๆ เช่น

กรณีถนนบางสายที่ผู้รับเหมาเอกชนประมูลงานไปแล้ว แต่ไม่สามารถก่อสร้างได้สำเร็จ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เราก็ให้ทหารช่างเข้าไปช่วยดำเนินการต่อ และนายกฯจะเป็นประธานเปิดทางหลวง หมายเลข 418 ซึ่งเป็นถนนสี่ช่องจราจรที่เชื่อมระหว่างจ.ยะลากับจ.ปัตตานี นอกจากนั้นจะนำนายกฯแปดูงานโครงการฟาร์มตัวอย่าง หมู่บ้านประมง และไปเยี่ยมให้กำลังเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีเป้าหมายในการทำงานในพื้นที่ภาคใต้คือ การทำให้ประชาชนมีความสุข รักประเทศไทย รักแผ่นดินไทย ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลเมืองไทยเช่เนกียวกันประชาชนคนไทยที่อยู่จังหวัด เชียงใหม่ อุดรธานี หรือกรุงเทพฯ ไม่เข้าไปสนับสนุนฝ่ายที่ก่อความไม่สงบ ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ในปี 53 นั้น รัฐบาลจะเพิ่มความเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะตนจะเข้มงวดในเรื่องการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดตามที่ศาลได้ออก หมายจับไว้แล้ว ไม่ว่าจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหนก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้

ตรึงกำลังพันนายคุ้มเข้ม3จ.ใต้รับ"อภิสิทธิ์" เปิดถนน

พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผบ.พตท.เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่ม ความเข้มงวดกวดขันการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ช่วงที่นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่วันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) เพื่อเปิดถนนสาย418 ที่เชื่อม จ.ปัตตานี-ยะลา อย่างเป็นทางการ พร้อมมีกำหนดเดินทางไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าในโครงการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ

"เบื้องต้นได้กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยรับผิดชอบเฝ้าระวังและเกาะ ติดสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมอย่างใกล้ชิดครอบคลุมทุกจุด พื้นที่เพื่อกดดันไม่ให้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ได้ โดยภารกิจดูแล รปภ.คณะนายกฯเริ่มปฎิบัติตั้งแต่ 24 ชั่วโมงก่อนถึงกำหนดนายกฯเดินทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ขณะเดียวกันในวันเดินทางนั้นจะมีเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย คอยดูแลความปลอดภัยประจำจุดเป้าหมายต่างๆ "พล.ท.กสิกร กล่าว

ผบ.พตท. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ยังร่วมบูรณาการของกำลัง 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อดูแลความปลอดภัยพื้นที่สูงสุด โดยมีการจัดวางกำลังหลักทั้งพื้นที่รอบสถานที่เป้าหมาย รวมถึงได้จัดกำลังนอกเครื่องแบบดูแลตามพื้นที่รอบนอกเพื่อเกาะติดความ เคลื่อนไหว ซึ่งภารกิจการเกาะติดคราวนี้ได้เน้นการดูแลทุกพื้นที่ครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งะไม่พุ่งเป้าดูแลเฉพาะเส้นทางหรือพิกัดที่นายกฯไปเท่านั้น

เนื่องจากเมื่อครั้งการเดินทางลงพื้นที่ของนายกฯเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาพบว่า แนวร่วมใช้รูปแบบการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ เช่น การนำป้ายข้อความแบ่งแยกดินแดนไปติดตามจุดต่างๆ รวมถึงมีการวางกล่องต้องสงสัยเพื่อป่วนสร้างกระแส ทำให้เป็นบทเรียนที่เจ้าหน้าที่ต้องปิดช่องโหว่นั้น ทำให้คราวนี้ ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายวางกำลังให้ครอบคลุมทุกหน่วยเฉพาะกิจเพื่อปิดช่องทาง การสร้างสถานการณ์ทุกรูปแบบ

อย่างไรก็ตามสำหรับถนนสาย418 นับเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อม จ.ปัตตานี-ยะลา ที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดหวังให้เกิดเป็นรูปธรรม เนื่องจากเป็นถนนที่มีขนาด 4 ช่องจราจร ระยะทาง 29.448 กิโลเมตร และนับเป็นถนนมาตรฐานสายเดียวที่จะรองรับการจราจรบนถนนสาย 410 ซึ่งเป็นถนน 2 ช่องจราจรที่ปัจจุบันใช้เป็นเส้นทางหลักที่เข้า-ออกยะลา

อีกทั้งยังมักเกิดเหตุความไม่สงบบนเส้นทางสายนี้บ่อยครั้ง แต่สำหรับหากถนนสายใหม่418 มีความพิเศษ คือ ตลอดสองข้างทางจะเป็นที่โล่ง ไม่มีการติดสัญญาณไฟจราจร ส่วนทางแยกจะถูกสร้างเป็นสะพานยกระดับมากถึง 20 แห่ง เพื่อความปลอดภัย และช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งได้ด้วย

นายกเล็กยะลาเชื่อสร้างเชื่อมั่นประชาชน-นักธุรกิจ

นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าวว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงมาตรวจเยี่ยม และเปิดถนนสาย 418 ในจังหวัดยะลาในวันที่ 7 มกราคม 2553 นี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณในทางที่ดีให้แก่ประชาชน และนักลงทุน โดยเฉพาะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลได้ให้ความสนใจกับการพัฒนาในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ยังถือเป็นการติดตามความคืบหน้าในเรื่องนโยบาย ยุทธศาสตร์ของทางรัฐบาลที่ได้ทุ่มงบประมาณลงมาพัฒนาในพื้นที่ ซึ่งเป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง

"เส้นทางสาย 418 ซึ่งถือเป็นเส้นทางหลักระหว่างจังหวัดยะลา และจังหวัดปัตตานี ที่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ มีความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจทั้ง 2 จังหวัด ทำให้ดูว่า เศรษฐกิจทั้ง 2 จังหวัดได้รวมกันเป็นหนึ่ง ซึ่งเป็นหลักคล้าย ๆ กับการที่มีการลงนามข้อตกลงในหลาย ๆ ประเทศมารวมกันเป็นตลาดหนึ่งเดียว ก็คงจะทำให้ผลผลิตมวลรวมของทั้ง 2 จังหวัดใหญ่ขึ้น และเป็นการกระตุ้นภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกำลังซื้อของทั้ง 2 จังหวัดด้วย " นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวและว่า

ในส่วนของภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มี ความต้องการเพิ่มเติม และต้องการให้รัฐบาลเร่งผลักดัน คือ การก่อสร้างเส้นทางสายยะลา - นราธิวาส ที่ผ่านทางด้านตำบลตะโล๊ะหะลอ อ. รามัน จ. ยะลา ซึ่งถือเป็นน็นอีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้ความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจของรัฐ กลันตัน ประเทศมาเลเซีย ที่ผ่านทางสายบูเกะตาเข้าสู่จังหวัดยะลา

อีกทั้งการก่อสร้างเส้นทางสายยะลา - เบตง ที่จะมีการก่อสร้างสะพาน หากทั้ง 2 เส้นทางก่อสร้างแล้วเสร็จ ตนเองมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook