ผัวซ้อมเมียกดหัวลงชักโครก รัดคอลูก 4 ขวบ สุดท้ายเสียน้ำตาลูกผู้ชาย เมียไม่คืนดี

ผัวซ้อมเมียกดหัวลงชักโครก รัดคอลูก 4 ขวบ สุดท้ายเสียน้ำตาลูกผู้ชาย เมียไม่คืนดี

ผัวซ้อมเมียกดหัวลงชักโครก รัดคอลูก 4 ขวบ สุดท้ายเสียน้ำตาลูกผู้ชาย เมียไม่คืนดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผัวซ้อมเมียกดหัวลงชักโครก เชือกรัดคอลูก 4 ขวบ สุดท้ายเสียน้ำตาลูกผู้ชาย เมียไม่คืนดี เพราะไม่เชื่อว่าจะกลับตัวได้

จากกรณี นางประไพพร อายุ 35 ปี  แจ้งต่อ ร.ต.ท.หญิง วิภาวดี จิตผดุงวิทย์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 66 ว่าโดนนายพงษ์ศักดิ์  อายุ 33 ปี สามีซึ่งอยู่กินกันมา 1 ปีกว่า ทุบตีทำร้ายร่างกายและใช้เชือกรัดคอ น้องเอิร์ท ลูกชายอายุ 4 ขวบ จนต้องหอบลูกหลบหนีไปขอความช่วยเหลือและอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้าน ตนต้องการแยกทางกับนายพงษ์ศักดิ์ แต่เกรงว่าผัวโหดจะตามมาทำร้ายอีกจึงมาแจ้งความ เหตุเวลา 18.00 น.วันที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่กระท่อม ใกล้โรงขยะ บ้านนาภู่ ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 263 หมู่ 10 บ้านนาภู่ ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นคริสตจักรพระผู้สร้างอุดรธานี พบ น.ส.ประไพพร กำลังรับจ้างเกี่ยวหญ้าให้ควาย โดยได้ค่าจ้าง 200 บาท เสร็จแล้ว น.ส.ประไพพร ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นแม่ม่าย แยกทางกับสามี มีลูกติดชื่อ  น้องเอิร์ท อายุ 4 ขวบ ตนไปทำงานรับจ้างอยู่ที่พัทยา พ่อมารู้จักกับนายพงษ์ศักดิ์ ก่อนที่จะตกลงอยู่กินด้วยกัน ตนได้บอกกับนายพงษ์ศักดิ์ว่า อย่าทุบตีทำร้ายร่างกาย เพราะโดนสามีเก่าทำร้ายมาก่อนแล้ว ซึ่งนายพงษ์ศักดิ์ได้รับปากว่า จะไม่แตะตนแม้แต่ปลายก้อย จากนั้นก็ย้ายไปทำงานในสวนที่จันทบุรี 

อยู่กินกัน 3 เดือนแรก นายพงษ์ศักดิ์ดีทุกอย่างไม่เคยทำร้าย แต่หลังจาก 3 เดือนนายพงษ์ศักดิ์ ได้ทุบตีทำร้ายตน สาเหตุเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ หลังทุบตีก็จะมาขอโทษ ซึ่งตนก็ยอมทน จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านดอนภู่ สร้างกระท่อมอยู่ใกล้กับบ่อขยะ ตนจะไปเก็บของเก่ามาขายเลี้ยงครอบครัว และส่งน้องเอิร์ทไปเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนาหวาน ส่วนพงษ์ศักดิ์ไม่ยอมทำงานช่วย จะอ้างว่าไม่สบายตลอด แต่จะขอเงินซื้อเหล้ามาดื่ม พอเมาก็จะทุบตีตนตลอด เวลาตนสอนการบ้านลูกก็จะไม่พอใจ อยากให้ตนไปสนใจตัวเองตลอดเวลา จะทุบตีตน ซึ่งตนก็ต้องทน เพราะไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน

วันที่สิ้นสุดความอดทน เย็นวันที่ 3 มิถุนายน นายพงษ์ศักดิ์ดื่มเหล้าจนเมา แล้วชวนทะเลาะ แต่ตนไม่ทะเลาะด้วยเพราะรู้ว่าถ้าตนเถียงก็จะถูกทุบตีทำร้าย พอตนไม่สนใจก็เอาเชือกมาทำท่าผูกคอตาย ตนก็ไม่สนใจ เพราะรู้ว่าเรียกร้องความสนใจ นายพงษ์ศักดิ์โกรธที่ตนไม่สนใจ ก็นำเชือกมาผูกคอน้องเอิร์ท จนลูกจะขาดใจตาย ตนได้เข้าไปช่วยลูกออกมาร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครมาช่วย นายพงษ์ศักดิ์ได้ตามมากระชากผมตนจนศีรษะบริเวณหลังใบหูกระแทกกับเสาบ้านจนปูดบวม ก็ยังไม่ยอมหยุดได้กระชากศีรษะตนเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าตนออกเพื่ออาบน้ำ และยังกดศีรษะตนใส่ชักโครก ตนจึงเอามือล้วงไปบีบอัณฑะนายพงษ์ศักดิ์จึงปล่อยตน

หลังจากรอให้นายพงษ์ศักดิ์นอนหลับ ตนได้พาลูกขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปขอความช่วยเหลือจาก น.ส.สมร อายุ 49 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ห่างจากบ้านตนประมาณ 1 กม. โดยมีเพียงเสื้อผ้าติดกายมาเท่านั้น พอตื่นเช้าตนก็มาขออาศัยอยู่ที่คริสตจักรพระผู้สร้าง ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านนางแก่นจันทร์ อายุ 66 ปี ซึ่งตนได้ออกไปเก็บของเก่าที่บ่อขยะไปขาย หาเงินให้ลูกไปโรงเรียน แต่นายพงษ์ศักดิ์ ก็ตามมาง้อ ตนเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงตัดสินใจไปแจ้งตำรวจ เพื่อไม่ให้นายพงษ์ศักดิ์มารังควานตนอีก

“อยู่กับนายพงษ์ศักดิ์มา 1 ปีกว่า จะโดนทุบตีทำร้ายร่างกายตลอด แต่ก็ต้องทนเพราะไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน แต่สิ่งที่ทำให้ตนตัดสินใจหนีไปตายเอาดาบหน้า เพราะนายพงษ์ศักดิ์ทำร้ายลูกซึ่งอายุแค่ 4 ขวบ ถึงแม้ว่าตนจะกลับไปอยู่กับนายพงษ์ศักดิ์ ไม่นานก็จะทุบตีทำร้ายตนอีก เพราะตนรู้นิสัยนายพงษ์ศักดิ์ดี รู้ไส้รู้พุง เพราะการทุบตีทำร้ายตนเป็นนิสัยคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้”

น.ส.สมร  อายุ 49 ปี เพื่อนบ้านที่ช่วยเหลือสองแม่ลูก เล่าว่า ช่วงดึกของวันที่ 3 มิถุนายน เห็นนางประไพพร ขี่จักรยานยนต์ซ้อนน้องเอิร์ท มาขอความช่วยเหลือ บอกว่าถูกนายพงษ์ศักดิ์ทุบตี และเอาเชือกรัดคอลูก อาศัยที่นายพงษ์ศักดิ์นอนหลับ ได้หลบหนีออกมา มีแต่เสื้อผ้าติดตัว รู้สึกสงสาร เพราะไม่มีที่พึ่ง จึงให้นอนอยู่ที่บ้าน ตื่นเช้าได้พาคริสตจักรพระผู้สร้าง เพื่อความปลอดภัยด้วย

ด้าน นางแก่นจันทร์  อายุ 66 ปี เล่าว่า ตนอาศัยอยู่กับสามีสองคน บริเวณบ้านจะมีคริสตจักรพระผู้สร้าง มีสมาชิก 40 คน ตนได้รับนางประไพพร และลูกมาพักอาศัยอยู่ด้วย และได้พากลับบ้านไปเอาชุดนักเรียนและกระเป๋านักเรียนน้องเอิร์ทมาไว้ที่นี่ ได้จ้างให้ น.ส.ประไพพร เกี่ยวหญ้าให้ควายวันละ 200 บาท พร้อมกับเก็บของเก่าขาย เพื่อดำรงชีวิต ซึ่งนางประไพพรบอกว่าจะไม่ขอกลับไปอยู่กับนายพงษ์ศักดิ์อีก แต่นายพงษ์ศักดิ์ยังตามมาง้อ เกรงจะได้รับอันตราย จึงพาไปแจ้งความที่โรงพัก

ต่อมานางแก่นจันทร์ ได้เรียกนายพงษ์ศักดิ์ มาไกล่เกลี่ยกับนางประไพพร ซึ่งนายพงษ์ศักดิ์ อ้อนวอนขอโอกาสจากนางประไพพรอีกครั้ง และสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายอีก แต่นางประไพพรไม่ยอมคืนดี ขอแยกทาง ขอจบชีวิตคู่เพียงแค่นี้ เพราะถ้ากลับไปก็จะถูกทุบตีทำร้ายร่างกายเหมือนเดิม ทำให้นายพงษ์ศักดิ์ถึงกับร้องไห้ และกลับบ้านไป  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook