ความจนมันน่ากลัว หนุ่มป่วยหนักไม่ยอมไป รพ. ดับคาบ้าน แม่สะอื้นเหลือเงินแค่ 7 บาท

ความจนมันน่ากลัว หนุ่มป่วยหนักไม่ยอมไป รพ. ดับคาบ้าน แม่สะอื้นเหลือเงินแค่ 7 บาท

ความจนมันน่ากลัว หนุ่มป่วยหนักไม่ยอมไป รพ. ดับคาบ้าน แม่สะอื้นเหลือเงินแค่ 7 บาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มป่วยหนักไม่ยอมไป รพ. ล้มหัวฟาดเสียชีวิต แม่สะอื้นทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินแค่ 7 บาท ตำรวจยังทนสงสารไม่ไหว 

 เมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 9 มิถุนายน 2566 พันตำรวจโทอภิรัฐ ทองฉิม พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พันตำรวจโทณัฐพงศ์ ณ.อุบล รองผู้กำกับการสืบสวน พันตำรวจโทณัฐภัทร พุทธังกุโร สารสัตรสืบสวน และพันตำรวจโทมนัส พิทักษ์บูรพา สารวัตรป้องกันปราบปราม แพทย์เวรชันสูตร รพ.มหาราช และเจ้าหน้าที่กู้ภัยไต้เต๊กเซี่ยงตึ๊ง เข้าตรวจสอบบริเวณข้างบ่อน้ำหน้าบ้าน หมู่ 1 ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช หลังจากรับแจ้งว่าพบผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพเลือดท่วมศีรษะอยู่ข้างบ่อน้ำดังกล่าว

ในที่เกิดเหตุพบศพ นายประเสริฐ  อายุ 45 ปี สภาพศพสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียวไม่สวมเสื้อ ศีรษะชุ่มไปด้วยเลือด ท้ายทอยมีแผลฉกรรจ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดไม่พบว่าเป็นการเสียชีวิตเนื่องจากร่องรอยอาชญากรรมใดๆ จึงเข้าสอบถาม นางสาคร อายุ 68 ปี มารดาผู้ตายได้ความว่านายประเสริฐ ซึ่งอยู่ในสภาพป่วยหนักเรื้อรังจากอาการวัณโรค ได้ออกมาจากบ้านเข้าใจว่ามาอาบน้ำที่บ่อน้ำ อาจเกิดลื่นล้มศีรษะฟาดกับขอบข่อที่เป็นคอนกรีตเป็นเหตุให้เสียชีวิต ส่วนตนเองนั้นได้กลับมาจากบ้านญาติอีกหลังกลับมาพบศพจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ โดยไม่ติดใจสาเหตุใดๆ เนื่องจากเป็นการล้มเสียชีวิตเองโดยที่ไม่ใครทำร้าย

นางสาคร ยังระบุด้วยว่าอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับนายประเสริฐเพียง 2 คน นายประเสริฐอยู่ในสภาพป่วยหนักไม่ยอมไปหาหมอรักษาอาการ ด้วยเกรงว่าจะต้องนอน รพ.กลัวแม่จะลำบาก จนร่างกายป่วยหนักไปเรื่อยๆ เป็นเหตุให้อ่อนแรง จนเกิดเหตุขึ้น ก่อนเกิดเหตุมีเงินทั้งบ้านอยู่เพียง 37 บาท แบ่งมา 30 บาทไปซื้อของกินให้นายประเสริฐ เหลือเงินเพียง 7 บาท ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับศพ

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ยินและสังเกตบ้านของนางสาคร และนายประเสริฐ พบว่าอยู่ในสภาพแร้นแค้นอย่างมาก ไม่มีไฟฟ้าใช้เนื่องจากถูกตัดกระแสไฟฟ้ายกมิเตอร์จากที่ไม่มีเงินชำระไปแล้วเกือบ 10 ปี ในครัวใช่ไม้ฟืนที่หาได้จากบริเวณใกล้บ้านเป็นแหล่งเชื้อเพลิงในการประกอบอาหาร ส่วนอาหารสดนั้นได้จากเพื่อนบ้านที่คอยช่วยเหลือมอบให้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งงานสืบสวน งานป้องกันปราบปราม และพนักงานสอบสวน ได้ร่วมกันควักกระเป๋าสมทบเงินสดได้จำนวนหนึ่งมอบให้นางสาคร เพื่อไปจัดการศพลูกชายถึงกับร่ำไห้ด้วยความดีใจ พร้อมทั้งบอกว่าลูกสั่งว่าถ้าตายไปนั้นให้เอาไปเผาเลยไม่ต้องทำงานศพใดๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าอย่างน้อยก็ต้องทำบุญวาระสุดท้ายให้ตามประเพณีสัก 1-2 คืนก็ยังดี ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยประสานงานเพื่อขอหีบศพมาช่วยสงเคราะห์บรรจุศพตามสภาพไว้ก่อน  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook