ผลชันสูตรศพ แจ็คสัน ทางการถูกฆาตกรรม

ผลชันสูตรศพ แจ็คสัน ทางการถูกฆาตกรรม

ผลชันสูตรศพ แจ็คสัน ทางการถูกฆาตกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เผยผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการที่แก้ไขใหม่ของไมเคิล แจ็คสัน ยืนยันว่า ถูกฆาตกรรม

(11ม.ค.) เว็บไซท์หนังสือพิมพ์ เดลี่เมล รายงานว่า ผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการของไมเคิล แจ็คสัน ราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับวัย 50 ปี ถูกเปิดเผยออกมาว่า เป็นการฆาตกรรม โดยได้มีการแก้ไขใบมรณบัตรใหม่ว่า เป็นการฆาตกรรม ตามที่ได้มีการคาดการณ์ล่วงหน้ามาแล้วหลายเดือน

ใบมรณะบัตรของแจ็คสัน ระบุว่า เขาเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันจากสารพิษโพรโพฟอล ที่ถูกฉีดเข้าหลอดเลือดดำโดยบุคคลอื่น ขณะที่การออกใบมรณบัตรในตอนแรกที่ออกมาเมื่อวันที่ 7กรกฎาคมนั้น เชอรีล แม็ค วิลลี่ ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุการเสียชีวิต แต่ภายหลังการสอบสวน คริสโตเฟอร์ โธมัส เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ได้แก้ไขและออกใบมรณบัตรใหม่เมื่อเดือนสิงหาคม ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของแจ็คสัน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนปี 2552 คือ ถูกฆาตกรรม ขณะที่แหล่งข่าว ระบุว่า ครอบครัวของแจ็คสันยังคงมีศรัทธาต่อตำรวจ แต่ก็เชื่อว่าจะมีคนมากกว่า 1 คน ที่รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตอันน่าเศร้าของแจ็คสัน

ข่าวเรื่องใบมรณบัตรใหม่ของแจ็คสัน ได้มีขึ้นหลังจากมีรายงานว่า นายแพทย์คอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวของแจ็คสัน อาจถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ฐานละเลยโดยสิ้นเชิงต่อการรักษาแจ็คสัน ในระหว่างชั่วโมงท้าย ๆ ก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ

ดร.เมอร์เรย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ได้อยู่กับแจ็คสันที่บ้านเช่าในลอส แองเจลิส เมื่อเดือนมิถุนายน และพยายามจะกู้ชีพแจ็คสัน ตอนที่พบว่าเขาหมดสติไป แต่เขาก็ตั้งทนายความในฮุสตันเอาไว้สู้คดีแล้ว ตำรวจระบุว่า เขายอมรับว่าให้ยาโพรโพฟอลและยาอื่น ๆ แก่แจ็คสัน ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

มิแรนด้า เซฟซิค โฆษกหญิงของของนายแพทย์เมอร์เรย์และเอ็ดเวิร์ด เชอร์นอฟฟ์ ระบุว่านายแพทย์เมอร์เรย์ไม่มีความเห็นและย้ำว่า เขาไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นที่ถือว่าเป็นการฆาตกรรมแจ็คสัน ที่อยู่ในความดูแลของเขา ในขณะเตรียมตัวหวนกลับไปสู่เวทีคอนเสิร์ตอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามกีฬาโอทู ที่ลอนดอน

สำนักงานอัยการ กำลังรอให้ตำรวจลอส แองเจลิส ส่งคืนสำนวนคดีก่อนจะนำเสนอต่อคณะลูกขุนชุดใหญ่ ในการพิสูจน์ว่าเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนานั้น ทางอัยการที่เป็นโจทก์ จะต้องทำให้เห็นว่าเขาสะเพร่าจนทำให้เกิดความเสี่ยงจนถึงแก่ความตาย หรือทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บร้ายแรง โดยถ้าแพทย์รู้อยู่แก่ใจว่าเสี่ยง ก็จะต้องพิจารณาในประเด็นที่ว่า คนไข้เองก็รู้ว่าเสี่ยงแต่ยังตัดสินใจจะใช้ยาด้วยหรือไม่

ตำรวจซึ่งเสร็จสิ้นการสืบสวนเมื่อเดือนธันวาคม ได้เตรียมเรียกตัวพยานมาสอบปากคำหลายคนรวมทั้งคนที่อยู่กับแจ็คสันใน ช่วงชั่วโมงท้าย ๆ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และคนที่ทำงานร่วมกับเขาในการเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ต " ดิส อิส อิท " และยังจะมีการเตรียมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มาให้ปากคำเป็นพยานเกี่ยวกับ มาตรฐานทางการแพทย์ทั่วไป รวมถึงให้ความเห็นว่า เหตุใดจึงถือว่าการกระทำของนายแพทย์เมอร์เรย์ จึงถือว่าเป็นการละเลยต่อผู้ป่วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook