Face Off : เปลี่ยนหน้าหนีคด
ได้ผลสำเร็จอีกรายสำหรับ ปฏิทินหมายจับ ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) ที่นำภาพผู้ต้องหาคดีสำคัญที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาตีพิมพ์เป็นปฏิทินแจกจ่ายไปทั่วประเทศ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดลำดับที่ 16 ของปฏิทินหมายจับได้ในที่สุด
วันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 ได้รับเอสเอ็มเอสจากพลเมืองดีแจ้งว่า ตำรวจ สภ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ สามารถจับกุม นางนิธาดา วรกมล หรือ เหรา ทับประเสริฐ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/1 หมู่ 2 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 135/2550 ข้อหามียาเสพติดให้โทษเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับลำดับที่ 16 ของปฏิทินหมายจับ บช.ภ.7 เจ้าของเงินรางวัลนำจับ 3 หมื่นบาท จึงส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนเดินทางไปประสานงาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารายนี้อ้างว่าชื่อนางกะตารินา ไม่มีนามสกุล เป็นชาวพม่า พูดภาษาไทยไม่ได้ ทำเอาชุดสืบสวนถึงกับงงงวย เนื่องจากดูลักษณะภายนอกแล้วมีรูปร่างหน้าตาเพียงแค่คล้ายผู้ต้องหาตามหมายจับในปฏิทินเท่านั้น ไม่ถึงกับเหมือนจนสามารถลงความเห็นได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเป็นคนคนเดียวกัน ทำให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะเมื่อตรวจบัตรประจำตัวก็พบระบุชื่อตามที่ให้การ
อย่างไรก็ดี ในความคล้ายคลึงก็มีบางมุมที่มองแล้วชวนให้เชื่อว่ากะตารินาน่าจะเป็นนิธาดา ชุดสืบสวนจึงยังไม่ปักใจเชื่อตามคำให้การ พยายามหาหนทางพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏชัดมากกว่าหลักฐานที่มีอยู่ สุดท้ายจึงใช้วิธีตรวจสอบลายนิ้วมือเปรียบเทียบ ระหว่างกะตารินากับนิธาดาว่าเป็นคนคนเดียวกัน หรือว่าผิดเหล่าแตกหน่อเป็นคนละกอกัน เนื่องจากลายนิ้วมือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้รูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนไปอย่างไรลายนิ้วมือก็จะยังคงเดิม
สุดท้ายผลการตรวจลายนิ้วมือก็ออกมาเป็นอย่างที่คิด สรุปได้ว่าผู้ต้องหาชาวพม่าคนนี้ แท้ที่จริงแล้วก็คือนิธาดา ผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีคดีอยู่นั่นเอง !?!
หลังจำนนต่อหลักฐาน นิธาดาก็ให้รายละเอียดถึงความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ทำเอาชุดสืบสวนถึงกับงวยงงในชั้นแรก เกิดจากไปทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าใหม่ ทั้งตัดกราม เสริมจมูก และตัดแต่งทรงผมเสียใหม่ อำพรางตัวเป็นคนใหม่ จากนั้นวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 ก็ไปทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ที่ จ.ขอนแก่น เพื่อให้ภาพในบัตรต่างจากภาพเดิมที่ตำรวจมีอยู่ในสำนักทะเบียนราษฎร กรมการปกครอง ซึ่งเป็นภาพใบเดียวกับที่ปรากฏในหมายจับ
ต่อมานิธาดาเดินทางข้ามไปฝั่งพม่าทางด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ไปอาศัยอยู่กับสามีใหม่ชาวพม่าพ่อค้ายาเสพติด แล้วจึงเปลี่ยนชื่อจากนิธาดามาเป็น "กะตารินา" และเปลี่ยนสัญชาติเป็นพม่า เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 5 หมื่นบาท เมื่อเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้งก็มาถูกตำรวจจับกุม และกระชากหน้ากากที่แท้จริงออกมาในที่สุด
ด้าน พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญรายหนึ่ง มีประวัติเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวและลงรูปในปฏิทินหมายจับ ผู้ต้องหามีความพยายามปลอมแปลงใบหน้าไม่ให้เหมือนเดิม เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสัญชาติ เปลี่ยนบัตรประจำตัว ด้วยหลากหลายวิธีการ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับหน้าเดิม อย่างไรก็ดี มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผู้ต้องหาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นั่นก็คือลายนิ้วมือ เพราะทุกคนจะมีลายมือที่ไม่เหมือนกัน ล้านคนก็ล้านลายมือ การพิสูจน์จับคนร้ายด้วยวิธีนี้จึงเป็นการชี้ชัดได้ว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลตามหมายจับจริงไม่มีผิดตัว
คดีนี้ปิดลงได้ต้องเรียกว่าเป็นผลสำเร็จของปฏิทินหมายจับ และเป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่จะทำให้ตำรวจมีทักษะความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติม มีการทำงานที่ละเอียดรอบคอบมากขึ้น ถ้าหากหละหลวมเห็นแค่บัตรประจำตัวว่าเป็นอีกคนหนึ่ง คนละสัญชาติกับผู้ต้องหา ประกอบกับหน้าตาไม่เหมือนเดิมแล้วปล่อยตัวไป โดยไม่ตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน จะทำให้ผู้ต้องหาลอยนวลไปอีก คดีนี้จึงเป็นเหมือนคดีตัวอย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนควรเรียนรู้ จะได้ไม่เกิดความผิดพลาด ไม่ว่าผู้ต้องหาจะปลอมแปลงรูปร่างหน้าตาอย่างไร สุดท้ายก็หนีไม่พ้นฝีมือตำรวจไทย