รีดไถเยอะ จนจ่ายไม่ไหว! “บิ๊กโจ๊ก” เผยจุดแตกหัก ผู้ต้องหาเว็บพนันแจ้งจับผู้การฯชลบุรี

รีดไถเยอะ จนจ่ายไม่ไหว! “บิ๊กโจ๊ก” เผยจุดแตกหัก ผู้ต้องหาเว็บพนันแจ้งจับผู้การฯชลบุรี

รีดไถเยอะ จนจ่ายไม่ไหว! “บิ๊กโจ๊ก” เผยจุดแตกหัก ผู้ต้องหาเว็บพนันแจ้งจับผู้การฯชลบุรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บิ๊กโจ๊ก” เผยสาเหตุแจ้งจับ แก๊งผู้การฯชลบุรี มาจากรีดไถเยอะ จนจ่ายไม่ไหว จ่อขอหมายแดงส่งผู้ร้ายข้ามแดง หลังมีบางรายไหวตัวทันหลบหนีออกนอกประเทศ

วันนี้(18 มิ.ย.66)ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า ช่วงคํ่าวานนี้ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินคดีกับ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศปอส.ภ.จว.ชลบุรี จำนวน 9 ราย ที่ร่วมกันก่อเหตุตบทรัพย์ผู้เสียหาย ในคดีเว็บพนันออนไลน์และรีดเงินจำนวนกว่า 140 ล้านบาท ว่า ทันทีที่ทราบเรื่องในตอนแรกตนเองยังไม่เชื่อ เพราะการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ถ้าไม่ใช่ความจริงผู้ร้องต้องรับผิดชอบ ซึ่งผู้ร้องก็ให้การยืนยันและไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี ส่วนสาเหตุที่ต้องไปแจ้งที่ ผู้ร้องเรียน ระบุว่าเป็นสถานที่ที่ใช้ส่งเงิน ซึ่งต่อมาทางท่าน ผบ.ตร. มอบหมายให้ตนนั้นสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว และจากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีมูลความจริง

ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องนั้นจะออกเป็นหมายเรียก เนื่องจากได้ติดต่อกับผู้บังคับบัญชาให้เข้ามามอบตัวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปขออนุมัติจากศาลเพื่อขอออกหมายจับ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า เรื่องเว็บพนันเป็นปัญหาหลักของประเทศ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งมอมเมาของเยาวชน แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาให้มาจับ และปราบปราม ไม่ใช่ให้มาเรียกรับผลประโยชน์ พร้อมยอมรับว่าเว็บพนันมีเยอะ ตำรวจส่วนที่ปราบปรามก็มี ส่วนที่เรียกรับผลประโยชน์ก็มี ซึ่งตำรวจในชุดดังกล่าวก็มีมูลความจริงในเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ โดยในวันนี้ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนไปแล้วส่วนนึง เหลือเพียงเก็บรายละเอียดในเรื่องสำนวนการสอบสวนและการแจ้งข้อกล่าวหา

เบื้องต้น ผบ.ตร. ก็ได้ดำเนินการทางวินัย ให้มาช่วยราชการฯ ไว้ก่อน ส่วนการดำเนินคดีตนก็จะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนนี้ทั้งหมด ในฐานความผิดการละเว้น หรือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 และการเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ ตามมาตรา149

นอกจากนี้ตามข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีการร่วมกันกับบุคคลภายนอก ซึ่งพบว่าได้หนีออกนอกประเทศไปและทำเรื่องแบบนี้มานาน ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีการออกหมายแดงและจะประสานกับประเทศนั้นๆที่หลบหนี เพื่อให้ส่งตัวผู้ต้องหากลับมารับโทษที่ประเทศไทย โดยตอนนี้พบว่ายังคงมีทรัพย์สินอยู่ก็จะใช้มาตาการทางกฎหมาย และ ปปง. ในการยึดทรัพย์ทั้งหมด

สำหรับเส้นทางการเงินที่อาจจะเชื่อมโยงไปถึงผู้การชลบุรีนั้น เบื้องต้นยังไม่เห็นความเชื่อมโยง ซึ่งเส้นเงินบัญชีธนาคารอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ ส่วนการที่เกิดข้อสงสัยว่า ผู้การฯ เป็นผู้ให้เขียน เป้รักผู้การเท่าไหร่ เป้เขียนมา” ตอนนี้ยังไม่ข้อสรุป ขอให้สอบปากคำให้ได้พยานหลักฐานทั้งหมดก่อน แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้มีมูลและยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา ซึ่งก็จะต้องว่าไปตามกฎหมาย ผิดก็คือผิด ไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่ผู้เสียหายมาร้องเรื่องการถผูกเรียกเงินนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ผู้เสียหายให้เหตุผลว่าถูกเรียกเงินเยอะเกินไป จนจ่ายไม่ไหว ส่วนใครจะอยู่เบื้องหลังการร้องเรียนหรือไม่ ตนเชื่อว่าไม่มี เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องเพราะพูดคุยกันลงตัวกันได้ แต่ครั้งนี้ เป็นเพราะเรียกรับจนเกินไป ทำให้ฝ่ายผู้เสียหายที่ทำผิดกฎหมายมาร้องเรียนตํารวจเสียเอง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ตำรวจกับโจรมีเส้นแบ่งบางๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่ข้ามเส้นแบ่งไปก็กลายเป็นโจร ก็จะต้องดำเนินคดีอย่างเดียว ถึงเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องก็ต้องไม่โกรธกัน เพราะต้องเข้าใจเห็นใจคนหมู่มาก ถ้าเราไปช่วยลูกน้องบ้านเมืองจะยิ่งไปกันใหญ่ ประชาชนก็หมดความศรัทธา”

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook