เกิดกลียุคชาวเฮติออกมาปล้นสะดมภ์
รมต.ฝรั่งเศสระบุมีคนสูญหายกว่า 200 คน ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ถล่มจากแผ่นดินไหวที่เฮติ ส่วนชาวเกาหลีใต้หาย 7 คน เกิดกลียุคชาวเฮติออกมาปล้นสะดมภ์ นักวิทยาศาสตร์เคยเตือนอาจเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่บนเกาะฮิสปานิโอลา
(13ม.ค.) นายอแลง โจยันเดต์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีฝ่ายความร่วมมือของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุยุโรป 1 ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศสว่า มีผู้สูญหายประมาณ 200 คนหลังจากโรงแรมมอนตาน่า อันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และเป็นที่พักของชาวฝรั่งเศสที่ทำงานอยู่ในกรุงปอร์โต แปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ ได้เกิดพังทลายลงมา หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริคเตอร์ ในวันนี้ที่ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อคหลายระลอก
นายโจยันเดย์กล่าวว่าเป็นที่ทราบกันว่า มีคนในโรงแรมประมาณ 300 คนตอนที่เกิดถล่ม พบว่ามีเพียงประมาณ 100 คนเท่านั้นที่ออกมาได้ เขากล่าวด้วยว่า สถานฑูตฝรั่งเศสในกรุงปอร์โตแปรงซ์ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวเช่นกัน และว่ามีชาวฝรั่งเศสไปชุมนุมกันที่นั่นประมาณ 60 คนแล้ว และคนอื่นๆกำลังทยอยกันไปที่นั่นเพิ่มมากขึ้น
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้แถลงว่า นับจนถึงเวลา 15.00 น.ของบ่ายวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น พบว่ามีชาวเกาหลีใต้ทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยว หรือที่พักอยู่ที่เฮติจำนวนรวมประมาณ 70 คน ซึ่งในจำนวนนี้ยังสูญหายไป 7 คนหลังแผ่นดินไหว ซึ่งรวมทั้งนักธุรกิจ 7 คน ที่อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ถล่มลงมาเพราะแผ่นดินไหว กับอีก 3 คนที่อยู่นอกเมืองหลวง ขณะที่สามารถยืนยันได้ว่ามีชาวเกาหลีใต้ที่รอดปลอดภัยประมาณ 60 คน รวมทั้งทหารหญิงคนหนึ่งในกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ
เกิดกลียุคชาวเฮติออกมาปล้นสะดมภ์
รายงานข่าวระบุว่าเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ฝูงชนได้พากันไปหยิบฉวยข้าวของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในกรุงปอร์โตแปรงซ์ที่ได้รับความเสียหายอาคารพังจากแผ่นดินไหว มีรายงานด้วยว่าสถานทูตไต้หวันได้รับความเสียหายและตัวเอกอัครราชทูตได้รับบาดเจ็บต้องถูกนำส่งโรงพยาบาล
ขณะที่บรรยากาศภายในเมืองหลวงที่ได้รับความเสียหายหนักจากแผ่นดินไหวครั้งยังคงเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน ยังมีศพนอนเกลื่อนอยู่ตามถนน และมีผู้คนที่ยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกเป็นจำนวนมาก และระบบการสื่อสารก็ยังใช้งานไม่ได้ ผู้คนหลายพันคนต้องไปอาศัยนอนอยู่ตามลานสาธารณะเมื่อคืนนี้ ขณะที่บรรดาผู้บาดเจ็บยังคงนั่งกันอยู่ตามท้องถนนเพื่อรอความช่วยเหลือ แต่โรงพยาบาลซึ่งส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายก็ไม่สามารถรับมือกับผู้บาดเจ็บเหล่านี้ได้
ผู้สื่อข่าวของเอพีรายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ว่า ความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 200 ปีที่เกิดขึ้นในชาติที่ยากจนที่สุดครั้งนี้ ยิ่งซ้ำเติมชะตากรรมของชาวเฮติที่ต้องเจอกับภัยพิบัติและโศกนาฎกรรมมาครั้งแล้วครั้งเล่า แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวขนาด 7 ริคเตอร์ และอาฟเตอร์ช็อคหลายระลอก ทำให้อาคารบ้านเรือนพังทลายหลายพันหลัง มีบ้านเรือนพังเสียหายทั่วทั้งเมืองหลวง และยังมีฝุ่นคละคลุ้งอยู่ในอากาศแม้แผ่นดินไหวจะผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง
ทางการเฮติยังไม่สามารถประเมินความเสียหายครั้งนี้ได้ และยังไม่ทราบจำนวนผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บที่แน่ชัด มีรายงานว่ามีประชาชนหลายแสนคนที่สูญเสียบ้านเรือน โครงสร้างอาคารจำนวนมากตกอยู่ในอันตราย ช่างภาพเอพีรายงานว่า มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขต เพชั่นวิลล์ ที่พังถล่มลงมา
นักวิทยาศาสตร์เคยเตือนอาจเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
นักวิทยาศาสตร์ 5 คนเคยเสนอรายงานในการประชุมทางธรณีวิทยาของพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียนครั้งที่ 18 ที่กรุงซานโต โดมิงโกของสาธารณรัฐโดมินิกันเมื่อเดือนมีนาคมปี 2551 ระบุว่า บริเวณรอยเลื่อนของเปลือกโลกทางด้านใต้ของเกาะฮิสปานิโอลามีความเสี่ยงทำให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ และจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้ง 7 ริกเตอร์ในเฮติเมื่อวาน ซึ่งเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 200 ปีของประเทศ ก็อยู่ในแนวรอยเลื่อนดังกล่าว ที่ชื่อว่า เอ็นริกิลโย-เพลนเท่น การ์เด้นด้วย
พอล มานน์ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันธรณีฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเท็กซัส ให้สัมภาษณ์เมื่อวานว่า พวกเขาเป็นห่วงเกี่ยวกับรอยเลื่อนดังกล่าว เพราะมันสามารถอยู่อย่างสงบนิ่งได้หลายร้อยปี ทำให้ยากที่จะคาดเดาได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเมื่อไหร่
ผลการศึกษาของมานน์และเพื่อนๆสอดคล้องกับรายงานของนักธรณีวิทยา 2 คนซึ่งเคยตีพิมพ์ในวารสารงานวิจัยทางธรณีฟิสิกส์เมื่อปี 2547 ที่ระบุว่า พบความเสี่ยงมากขึ้นว่าจะเกิดแผ่นดินไหวตามแนวรอยเลื่อน เซพเทนทริโอนัล ที่เป็นแนวยาวจากหุบเขา ซีบาวในสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่มักเกิดแผ่นดินไหว
ขณะเดียวกันไมเคิล บลันเพด ผู้ช่วยผู้ประสานงานโครงการอันตรายจากแผ่นดินไหวของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ เปิดเผยว่า เกาะฮิสปานิโอลาตั้งอยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือ และแผ่นเปลือกโลกแคริบเบียน และการกระทบกันของแผ่นเปลือกโลกทั้งสอง
ทำให้เกิดแผ่นดินไหว
นอกจากนี้ฮาร์ลีย์ เบนซ์ จากสำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ บอกว่า เป็นที่เชื่อกันว่า รอยเลื่อนเอ็นริกิลโย เพลนเท่น-การ์เด้น เคยเป็นต้นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ถึง 7 ครั้งระหว่างปี 2161-2403
ส่วนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดบนกาะฮิสปานิโอลาเกิดขึ้นในปี 2489 วัดความรุนแรงได้ 8.1 ริกเตอร์ ทำให้เกิดสึนามิ และมีผู้เสียชีวิต 1,790 คน โดยจุดศูนย์กลางเกิดขึ้นในโดมินิกัน และได้ส่งผลกระทบไปถึงเฮติ ขณะที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในกรุงปอร์โตแปรงซ์เท่าที่บันทึกไว้ได้
เกิดขึ้นเมื่อปี 2313