ตำรวจไซเบอร์เผย 10 งานเสริมยอดนิยม ที่มิจฉาชีพเอามาใช้หลอกลวงประชาชน

ตำรวจไซเบอร์เผย 10 งานเสริมยอดนิยม ที่มิจฉาชีพเอามาใช้หลอกลวงประชาชน

ตำรวจไซเบอร์เผย 10 งานเสริมยอดนิยม ที่มิจฉาชีพเอามาใช้หลอกลวงประชาชน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผย 10 งานเสริมหรือภารกิจยอดนิยมที่มิจฉาชีพมักนำมาใช้หลอกลวงประชาชน

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า นับตั้งแต่การเปิดศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.65 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ หรือทำภารกิจต่างๆ กว่า 37,900 ราย ความเสียหายรวมกว่า 4,590 ล้านบาท โดยผ่านหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น จากการส่งข้อความสั้น (SMS) หรือการโทรศัพท์ไปหาเหยื่อโดยตรงแจ้งว่าได้รับสิ่งของฟรี หรือผ่านโฆษณาชวนเชื่อตามช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายต่างๆ ซึ่งงานในช่วงแรกจะเป็นง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และเหยื่อได้รับเงินในจำนวนเล็กน้อยจริง

จากนั้นจะชวนเข้าไลน์กลุ่มมีงานที่ยากขึ้น หรืออ้างว่าได้เหยื่อรับภารกิจพิเศษ เมื่อทำงานหรือร่วมลงทุนดังกล่าวแล้วจะได้รับค่าคอมมิชชัน หรือผลตอบแทนมากกว่างานช่วงแรก แต่ต้องโอนหรือเติมเงินเข้าระบบเพื่อเป็นการวางมัดจำ หรือไว้เพื่อสำรองทำภารกิจเสียก่อน โดยจะได้รับเงินคืนทั้งหมดเมื่อทำงาน หรือทำภารกิจเสร็จสิ้น ซึ่งจะมีสมาชิกหน้าม้าในกลุ่มจำนวนหนึ่งคอยสร้างความน่าเชื่อถือ โดยแจ้งว่าเมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้นจะได้รับเงินจริง กระทั่งเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปหลายครั้ง

นอกจากนี้แล้วในแต่ละภารกิจเหยื่อจะต้องโอนเงินที่มีจำนวนเงินมากขึ้นเป็นลำดับ ต้องทำภายในเวลาที่กำหนดเพื่อเร่งให้เหยื่อรีบตัดสินใจไม่ทันได้ระวัง แต่เมื่อเหยื่อจะถอนเงินในระบบกลับแจ้งว่ายังทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น หรือทำผิดกติกา หลักฐานการโอนเงินเหยื่อบันทึกข้อความไม่ครบหรือไม่ถูกต้อง ต้องปลดล็อก โอนหรือเติมเงินมาเพิ่มอีกหลายเท่าตัว ท้ายที่สุดกว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็สูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก หรือเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมประชาชน เนื่องจากในบางรายเป็นเงินที่ต้องกู้ยืมผู้อื่นมา หรือเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายของชีวิต

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่ามี 10 ภารกิจหรืองานเสริมยอดนิยมที่นำมาใช้หลอกลวงประชาชน ดังนี้

1.พนักงานกดรับออเดอร์สินค้า แอบอ้างสัญลักษณ์ของแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ต่างๆ เช่น Shopee, Lazada, Amazon
​2.กดไลก์ กดถูกใจ บัญชีผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, TikTok. Instagram หรือกดแชร์ กดโหวตภาพยนตร์ เป็นต้น
​3.รับชมคลิปวิดีโอเพื่อเพิ่มยอดวิวใน YouTube, TikTok
​4.งานรีวิว หรืองานทดลองใช้สินค้าหรือบริการต่างๆ เช่น รีวิวสถานที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร
​5.งานรับจ้างนอนโรงแรม อ้างแค่นอนหลับก็มีรายได้
​6.บรรจุหรือแพ็กสิ่งของต่างๆ เช่น สบู่ ยางมัดผม พวงกุญแจ
​7.งานฝีมือสามารถทำได้ที่บ้าน เช่น ร้อยลูกปัด ทำริบบิ้น ฉีกเชือกฟาง พับนกกระดาษ พับดาว พับเหรียญโปรยทาน
​8.ลงทุนส่งเสริมการโปรโมทสื่อสังคมออนไลน์ในสังกัด ตามเรทราคาต่างๆ
​9.ถ่ายรูปเซลฟี่ไม่ต้องเห็นใบหน้า หลังจากส่งเสื้อผ้าให้ ไม่จำกัดส่วนสูงน้ำหนัก
​10.ตัดต่อวิดีโอสั้น ไม่ต้องมีประสบการณ์ สอนให้ฟรี

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อขงมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงประชาชนให้ทำภารกิจ หรือทำงานออนไลน์เพื่อหารายได้เสริม ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า การหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าวยังคงมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่อง โดยมิจฉาชีพจะอาศัยความไม่รู้ และความโลภของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ทั้งนี้เหยื่อมักเสียดายเงินที่เคยโอนไปก่อนหน้านี้ อยากได้เงินทั้งหมดคืน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปเพิ่มอีกหลายครั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาก็ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์หลายครั้ง เพราะฉะนั้นการทำกิจกรรม หรือธุรกรรมใดๆ บนโลกออนไลน์ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพและมีสติอยู่เสมอ

ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกัน 7 ข้อ ดังนี้

​1.เมื่อพบคำเชิญชวนให้ทำงานออนไลน์ ผ่านทางข้อความสั้น (SMS) หรือผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อย่าได้เข้าไปติดต่อสมัครทำงานเป็นอันขาด อาจมีการแอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ
2.หลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ฟังดูดี หรือมีผลตอบแทนสูง ทำง่าย มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน
3.หากท่านสงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้ปรึกษาสายด่วนของตำรวจไซเบอร์ ที่หมายเลข 1441 หรือ 081-866-3000 ตลอด 24 ชม.
4.หากสมัครทำงานไปแล้ว พบว่ามีการให้วางเงินมัดจำ หรือเงินลงทุน หรือสำรองเงินก่อนจะทำงานได้ ให้ฉุกคิดทันทีว่ากำลังโดนมิจฉาชีพหลอกลวง อย่าโอนเงินไปเด็ดขาด
5.ไม่โอนผ่านบัญชีของบุคคลธรรมดา และควรตรวจสอบเลขบัญชี หรือชื่อเจ้าของบัญชีก่อนโอนเงินทุกครั้ง ผ่านเว็บไซต์ Backlistseller.com, chaladohn.com
6.ไม่หลงเชื่อเพียงเพราะว่ามีการส่งสิ่งของ หรือให้เงินให้ในจำนวนเล็กน้อยก่อน
​7.หากท่านประสงค์ต้องการงานทำสามารถใช้บริการของกรมจัดหางานผ่านเว็บไซต์ “ smartjob.doe.go.th ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook