อภิสิทธิ์ ยืดอกยอมรับ "ประชาธิปัตย์" เข้ายุคถดถอย ภาระหนักตก ส.ส.ใหม่
“อภิสิทธิ์” ปัดมีชื่อชิงหัวหน้าพรรค รับประชาธิปัตย์เข้ายุคถดถอย ขออย่ามองตัวบุคคล ชิงนั่งหัวหน้าพรรคไม่สำคัญเท่าความเป็นเอกภาพ ชี้ต้องตกผลึกร่วมกัน บอกภาระหนักตก ส.ส.ใหม่ กำหนดทิศทางเพื่อฟื้นศรัทธา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีชื่อตนปรากฏชิง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นเพียงกระแสข่าว ตนมองว่าทุกคนในพรรคมีความเป็นห่วงและทราบดีว่าสถานการณ์ในพรรคถือว่ามีความถดถอย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟื้นฟูพรรค ตนเชื่อว่าสมาชิกส่วนหนึ่งในขณะนี้ คงต้องมองไปข้างหน้า ถึงแนวทางของพรรคว่าจะฟื้นศรัทธาได้อย่างไร และในความเห็นของตนการที่จะเดินหน้าได้ ต้องมีความเป็นเอกภาพ ที่จะต้องอยู่บนพื้นฐานของอุดมการณ์ดั้งเดิมของพรรค และสร้างจุดยืนทางการเมืองเพื่อที่จะฟื้นฟูพรรคขึ้นมาได้ ส่วนตอนนี้ที่มีการวิจารณ์ถึงตัวบุคคลนั้น มองว่าไม่ใช่เรื่องหลัก และอยากให้บรรดาส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา รวมไปถึงคณะกรรมการบริหารพรรคชุด รักษาการณ์ต้องช่วยกันในเรื่อง ที่ต้องช่วยกันสร้างเอกภาพ ตกผลึกทางความคิดในเรื่องทิศทางของพรรคมากกว่า
ทั้งนี้หากมีการเสนอชื่อตนขึ้นมาจริง นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ยังไม่ไปถึงตรงนั้น การที่พรรคจะฟื้นได้ พรรคต้องชัดเจน จากการตกผลึกร่วมกัน เมื่อเลือกทิศทางใดก็ตาม ถึงจะมีคำตอบว่าบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นใคร หากเดินไปในทิศทางนี้ก็มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมา
ส่วนจะมีการพูดคุยกับคณะกรรมการรักษาการณ์ชุดเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จริงๆแล้วทางผู้บริหารที่รักษาการณ์อยู่ก็ดี แต่ภาระหนักตกอยู่ที่ บรรดา ส.ส. เพราะถือเป็นองค์ประชุมที่สำคัญ บุคคลเหล่านี้จะขับเคลื่อนพรรคในสภาฯต่อไป ตนเชื่อว่าก็รับฟังอยู่ทุกฝ่าย ว่าอะไรเป็นอะไร เพื่อทำให้พรรคประชาธิปัตย์ฟื้นขึ้นมาได้
ทั้งนี้ สุดท้ายแล้วจะหาทางออกร่วมกันได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขออย่ามองว่าหนุนหรือไม่หนุน แต่ในที่สุดพรรคจะต้องเดินอย่างมีเอกภาพ และตัดสินใจในการเลือกแนวทางที่จะเดิน ส.ส. ก็เป็นหลักอยู่ ไม่เพียงแต่ปฏิบัติตามข้อบังคับ แต่ในความเป็นจริงคือผู้ที่ทำหน้าที่ในสภา ในนามของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งภาระหนักก็ตกอยู่กับส.ส. และเชื่อว่าก็กำลังพิจารณาแนวทางต่างๆ
นายอภิสิทธิ์ยังระบุว่าการพูดคุยกับคนในพรรคนั้นก็มีมาโดยตลอด เพราะอยู่ในสังคมการเมืองด้วยกันมานาน แต่ไม่ได้เป็นการพูดคุยอย่างเป็นกิจลักษณะ ส่วนที่มองว่ามีการเทียบชื่อตนเองกับ นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกชาย เป็นคนละชั้นกัน นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า ตนคิดว่าขณะนี้อยากให้ถอยออกมาจากเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ตัวบุคคล และการแข่งขัน เพราะสิ่งที่พรรคต้องการขณะนี้คือความเป็นเอกภาพและความชัดเจนในการกำหนดแนวทางทางการเมืองต่อไป และมองว่า เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง เรื่องนี้คือเรื่องหลักในการฟื้นฟูพรรค
เมื่อถามว่าแม้จะมีการเสนอชื่อตนเอง แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีเอกภาพ ก็จะไม่กลับเข้ามาทำงานใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ขอพูดตรงๆว่าหากไม่มีเอกภาพ ใครก็ฟื้นพรรคไม่ได้ เพราะฉะนั้นสมควรที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องทำให้เกิดความรู้สึกร่วมกันว่าจะต้องเดินไปในทิศทางใด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าได้มีการพูดคุยกับบรรดาส.ส.ใหม่ หรือไม่ เพราะมีการแบ่งกลุ่มและไม่มีความคุ้นเคยกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าคนในพรรคก็มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด และตนไม่เคยสนใจว่าใครจะอยู่ขั้วใคร ใครจะชิงอะไร ตนไม่เคยสนใจไปคุยเรื่องนั้น สนใจเพียงแต่ทิศทางทางการเมือง ของพรรคมากกว่า ซึ่งตนก็พร้อมจะคุยอยู่แล้วกับทุกคนเพราะปกติท่านส.ส.ทั้งหลายที่รู้จักมักคุ้นกันก็มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว อีกทั้งส.ส.ใหม่แม้จะไม่รู้จักกัน แต่ก็เชื่อว่าคนเหล่านั้น ได้ผ่านสนามการเลือกตั้งมาแล้ว และอยู่ในฐานะที่จะสามารถรับฟัง และพูดคุยกับทุกฝ่ายได้