"ปิยบุตร" เผย สางปมชิงนั่ง ปธ.สภาฯ เป็นหน้าที่คณะเจรจา อาวุโส–เก๋าเกม ไม่ใช่ตัวชี้วัด

"ปิยบุตร" เผย สางปมชิงนั่ง ปธ.สภาฯ เป็นหน้าที่คณะเจรจา อาวุโส–เก๋าเกม ไม่ใช่ตัวชี้วัด

"ปิยบุตร" เผย สางปมชิงนั่ง ปธ.สภาฯ เป็นหน้าที่คณะเจรจา อาวุโส–เก๋าเกม ไม่ใช่ตัวชี้วัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ปิยบุตร" เผยเป็นหน้าที่คณะเจรจาสางปม ก้าวไกล–เพื่อไทย ชิงนั่งประธานสภาฯ ชี้อาวุโส–เก๋าเกมไม่ใช่ตัวชี้วัด ทุกคนมีโอกาสขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม ย้ำครั้งนี้ก้าวไกลตั้งใจที่จะเป็นรัฐบาล

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุถึงปัญหาความขัดแย้งการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ว่า หลังจากที่ได้เห็นในข่าวจะมีคณะเจรจาระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องให้คณะกรรมการทั้ง 2 พรรค ตกลงกันให้รู้เรื่อง

ส่วนตัวเองนั้นเป็นบุคคลภายนอกที่ต้องต่อดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป และในฐานะที่เป็นประชาชนพลเมืองไทยคนหนึ่ง มองว่าการเลือกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นหมุดหมายสำคัญ หากผ่านไปอย่างราบรื่นไม่มีข้อขัดแย้งกันมากนัก อาจจะคาดหมายได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และจะได้รัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชน เลือกพักก้าวไกลมากว่า 14 ล้านเสียง และเลือกพรรคเพื่อไทยมากว่า 11 ล้านเสียง จึงมองว่าเป็นภารกิจของคณะเจรจา ที่จะต้องแปลเอาคะแนนทั้ง 25 ล้านเสียงของประชาชน ให้ออกมาเป็นทั้งประธานสภาฯและนายกรัฐมนตรี

ส่วนหากตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งในสมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่จะรับได้หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนมีจุดยืนที่ชัดเจนมาโดยตลอด ในฐานะที่เป็นคนนอกและนักวิชาการ ตนแสดงความคิดเห็นเช่นนี้มาโดยตลอด ว่าตำแหน่งประธานสภาฯ ควรเป็นพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงเป็นลำดับที่ 1 แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรขอให้ทั้งสองพรรคได้พูดคุยกัน การแสดงความคิดเห็นในช่วงเวลานี้ อาจจะกระทบกับการเจรจา

ส่วนหากพรรคก้าวไกลไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ จะกระทบกับการเดินหน้าเสนอกฎหมายของพรรคหรือไม่ นายปิยบุตร มองว่า โดยสภาพการตำแหน่งประธานสภาฯ จะต้องวางตัวเป็นกลาง เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการประธานสภาที่เป็นกลาง ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องคัดสรรบุคลากร มาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯด้วยความเป็นกลาง พร้อมกับยังระบุอีกว่า กฎหมายต่างๆ ที่เป็นข่าวออกมาว่าพรรคก้าวไกลจะเสนอกว่า 40 ฉบับ ในท้ายที่สุดแล้วจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมาก และฉันทามติในสภาฯ คงไม่เกี่ยวข้องกับประธานสภาฯ ประธานสภาเป็นเพียงคนจัดวาระ และดำเนินการประชุมเท่านั้นเอง

ทั้งนี้ ตำแหน่งประธานสภาฯ จะต้องดูที่ประสบการณ์ในสภาฯ ความรู้ความสามารถ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความเก๋าเกมในสภาฯ นายปิยบุตร มองว่า การเมืองถึงเวลายุคใหม่ๆ การประเมินว่าความเก๋า ต้องพิจารณากันใหม่ว่าประเมินจากอะไร เช่นประเมินจากอายุก็ไม่แน่เสมอไปว่าคนอายุมากจะเก๋า หรือคนอายุน้อยจะไม่เก๋า หรือประเมินจากความรู้ความสามารถความเฉียบแหลมในการศึกษาข้อบังคับ เพื่อให้ทันเกมการประชุมต่างๆ จึงมองว่าอายุไม่ใช่ตัวชี้วัด เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงรัฐธรรมนูญคงกำหนดเงื่อนไขของอายุ

ดังนั้น เมื่อทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันตามรัฐธรรมนูญที่บอกไว้ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน หากมีโอกาสได้เป็นประธานสภาฯ และสภาฯให้ความเห็นชอบ ก็หมายความว่าไม่ว่าจะอายุเท่าใด ส.ส.สมัยที่เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม ซึ่งในอดีตก็เคยมีประธานสภาฯ ที่อายุน้อยมาแล้วอย่าง นายอุทัย พิมพ์ใจชน

อย่างไรก็ตาม หากขั้วรัฐบาลเดิมเสนอชื่อชิงประธานสภาฯ จะทำให้สมาชิกของ 8 พรรคร่วมลังเล นายปิยบุตร ระบุว่า ในฐานะประชาชน และในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ก็คาดหวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น และคาดหวังว่ารัฐบาล 8 พรรคจะสามารถจัดตั้งได้ เพราะหากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่นั่นหมายความว่า ประชาชนที่ลงคะแนนให้กับพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยรวมกว่า 26 ล้านเสียงโดยประมาณ ประชุมนัดแรกก็ทำลายความหวังของประชาชน

ส่วนมองอย่างไรที่มีการเตรียมมวลชนกดดันนอกสภาฯ ในการเลือกประธานสภาฯ และโหวตนายกรัฐมนตรี นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ว่ามีการเตรียมมวลชนอะไรกันอย่างไร แต่ต้องยืนพื้นจากรัฐธรรมนูญก่อน เนื่องจากรัฐธรรมนูญรับรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก อย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ซึ่งสถาบันทางการเมืองต่างๆออกแบบมาให้แสดงเจตจำนงของประชาชน มาแปลงเกิดดอกเกิดผลในสถาบันทางการเมือง ดังนั้น หากสถาบันทางการเมืองไม่สามารถ ตอบสนองตามความต้องการของประชาชนได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จ ยังคงมีการขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชนอยู่ ก็เป็นธรรมดาที่ประชาชนจะเห็นถึงความผิดปกติ ความไม่ยุติธรรม คนมองว่าบรรดานักการเมืองที่ได้มาเป็นส.ส.ในครั้งนี้มีภารกิจพิเศษ ว่าจะอยู่พรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน ต้องช่วยกันทำให้การเมืองไทยกลับมาเป็นระบบปกติให้ได้ แน่นอนว่าสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ยังคงมีอำนาจอยู่ แต่อีกไม่นานจะหมดวาระแล้ว ใช้โอกาสในครั้งนี้ช่วยกัน ทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนที่ประสงค์ต้องการให้ใครเป็นรัฐบาลเกิดขึ้นได้จริง

ส่วนกระแสข่าวที่ปล่อยให้พรรคก้าวไกลโดดเดี่ยวเป็นพรรคฝ่ายค้าน นายปิยะบุตร ระบุว่า ได้ยินแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้งแล้ว และตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ และเมื่อตนเข้ามาเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกลก็บอกว่า พร้อมที่จะทำหน้าที่ทั้ง 2 แบบ แต่ครั้งนี้ตั้งใจที่จะเป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี และประชาชนก็ให้ความไว้วางใจตามมา มันก็คิดว่าดังนั้นตนคิดว่า แม้ว่าจะมีความคิดกันในหมู่นักการเมือง ที่อยากจะโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล ก็คงไม่มีวันโดดเดี่ยว เพราะคะแนนเสียง ที่ได้จากประชาชนมากกว่า 14 ล้านเสียง และความพร้อมของการเป็นรัฐบาลก็มีการเตรียมตัวอยู่ตลอดเวลา

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook