ทนายแม้ว เผยร่างคำแถลงปิดดียึดทรัพย์ 2สัปดาห์เสร็จ
ทนายทักษิณ เผย ร่างคำแถลงปิดคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน คาดเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมส่งร่างให้"ทักษิณ"ตรวจทาน ก่อน ขณะที่ศาลปัดขอกำลังอารักขาเชื่อไม่มีเหตุร้าย
(15ม.ค.) นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัว กล่าวถึงการร่างคำแถลงปิดคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ว่า ขณะที่ทีมทนายความกำลังร่างคำแถลงปิดคดี โดยคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ ซึ่งการร่างคำแถลงปิดคดี ทีมจะจัดส่งร่างให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตรวจพิจารณาก่อนว่าจะเพิ่มเติมประเด็นใดหรือไม่
ขณะที่ประเด็นซึ่งทีมทนายความร่างคำแถลงปิดจะย้ำให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาข้อกฎหมาย เรื่องอำนาจการไต่สวนคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) ในการออกคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเกินอำนาจหน้าที่ เนื่องจากคำสั่งการแต่งตั้งคตส. การไต่สวนคดี ไม่ได้ให้อำนาจพิจารณาข้อกล่าวหาเรื่องพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ แต่ให้พิจารณาคดีเกี่ยวกับความเสียหายแก่รัฐ รวมทั้งปัญหาที่มีการร้องเรียนคตส. 3 คน คือนายแก้วสรร อติโพธิ นายกล้านรงค์ จันทิก และนายบรรเจิด สิงคเนติ ที่เป็นปฏิปักษ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ
ขณะที่การสืบพยานก็แสดงให้เห็นเพียงว่า นโยบาย 5 เรื่องที่ คตส. อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปเกี่ยวข้องขณะดำรงตำแหน่งนายก ฯ มีเพียงเรื่องการออก พ.ร.บ.จัดเก็บภาษีสรรพสามิต และการปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า ( เอ็กซิมแบงค์ ) ให้รัฐบาลพม่า ส่วนนโยบายอื่นที่เกี่ยวข้องการแก้ไขสัญญาสัมปทานการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และดาวเทียมไอพีสตาร์ ก็ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน ขณะที่นโยบายเรื่องปล่อยกู้รัฐบาล พยานฝ่ายโจทก์ ปากนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายก ฯ และอดีต รมว.ต่างประเทศ ก็เบิกความแล้วว่า การปล่อยกู้เป็นแบบเครดิตไลน์ ที่เมื่อให้กู้แล้วเป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลพม่า กับเอ็กซิมแบงค์ ว่าจะนำเงินไปใช้ในส่วนใด และที่รัฐบาลพม่าจะขอกู้ไปใช้ในกิจการโทรคมนาคมก็มีการพิจารณาแล้วไม่ได้ให้วงเงินกู้เพิ่มในส่วนนั้นซึ่งนายสุรเกียรติ์ ให้ความเห็นไว้แล้ว
ด้านแหล่งข่าวผู้พิพากษาระดับสูง กล่าวถึงคดียึดทรัพย์ว่า หลังจากศาลฎีกา ฯ ไต่สวนพยานเสร็จสิ้นและนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ. นี้ เวลา 13.00 น. ตามขั้นตอน องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน จะต้องไปพิจารณาสำนวนคดี เอกสารหลักฐานและคำเบิกความของพยานฝ่ายอัยการสูงสุดผู้ร้อง พ.ต.ท.ทักษิณและผู้มีชื่อเจ้าของบัญชีทรัพย์ ผู้คัดค้าน และพยานที่ศาลเรียกมาไต่สวนเพิ่มเติม เพื่อทำคำวินิจฉัยตัวส่วนตัวของผู้พิพากษาองค์คณะแต่ละคน ก่อนจะกำหนดนัดวันประชุมลงมติวินิจฉัยข้อพิพาทในคดีในแต่ละประเด็น แล้วเขียนคำพิพากษากลางด้วยมติเสียงส่วนใหญ่ขององค์คณะ และเพื่อป้องกันคำพิพากษารั่วไหล องค์คณะอาจนัดประชุมพิจารณาลงมติกันในช่วงเช้าวันที่ 26 ก.พ. ก่อนอ่านคำพิพากษาในช่วงบ่าย
โดยคดีนี้แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้คัดค้าน จะไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษา องค์คณะก็สามารถอ่านคำพิพากษาได้ทันที เพราะเป็นคดียึดทรัพย์ ที่พิจารณาว่าทรัพย์นั้นได้มาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่ไม่ได้มีโทษจำคุก อย่างไรก็ดีในช่วงที่องค์คณะ ฯ ร่างคำวินิจฉัยส่วนตัว คงไม่จำเป็นต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่มาคุ้มครองดูแล คงทำงานไปตามปกติ ไม่น่าจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้น