ในหลวง-ราชินีเสียพระราชหฤทัยเฮติแผ่นดินไหว
ในหลวง-ราชินี ส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อเหตุแผ่นดินไหวที่เฮติ ผู้ประสบภัยยัวะผู้นำล่องหน ไม่มีคำสั่งช่วยเหลือ สุดโกลาหลโจรปล้นสะดมอาละวาดชิงน้ำ-อาหาร ส่วนนานาชาติยังระดมความช่วยเหลือต่อเนื่อง
โศกนาฏกรรมมหันตภัยแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงกลางเมืองหลวงของสาธารณรัฐเฮติ ส่งผลให้สถานที่สำคัญและอาคารบ้านเรือนพังพินาศ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 1 แสนคน และมีประชาชนเดือดร้อนกว่า 300 ชีวิตนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.52 น. วันที่ 15 มกราคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเฮติ ความว่า ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเฮติ กรุงปอร์โตแปรงซ์
ข้าพเจ้าและพระราชินี รู้สึกเศร้าสลดใจยิ่งนักที่ได้ทราบข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวในสาธารณรัฐเฮติ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทั้งยังก่อความเสียหายอย่างหนักในประเทศของท่าน ขอแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ ท่านและประชาชนของสาธารณรัฐเฮติผู้ประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้
เผย รมต.-การเมืองตายหลายคน
สถานการณ์ที่สาธารณรัฐเฮติ นายฌอง-แบร์ทรองด์ อาริสตีด อดีตประธานาธิบดีเฮติ ที่ถูกกลุ่มกบฏขับออกจากอำนาจด้วยการนองเลือดเมื่อปี 2547 และกำลังอาศัยลี้ภัยอยู่ในแอฟริกาใต้ ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า พร้อมจะเดินทางกลับไปบริหารประเทศเฮติอีกครั้ง แต่ยังไม่ระบุว่าจะเดินทางกลับอย่างใดและเมื่อใด
นายอาริสตีดแถลงข่าวพร้อมนางมิลเดรด ภริยาในนครโยฮันเนสเบิร์ก ระบุว่า รู้สึกเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองควรอยู่ที่เฮติกับประชาชน เพื่อช่วยทำอย่างดีที่สุดในการป้องกันการเสียชีวิต โดยขณะนี้เพื่อนหลายคนพร้อมจะให้เครื่องบินเขาบินกลับไปพร้อมกับสิ่งของบรรเทาทุกข์
ด้านสำนักข่าวดีพีเองรายงานอ้างการเปิดเผยของนายฌอง-โรแบร์ ซาเกต์ รัฐมนตรีคนหนึ่งของเฮติ ที่เผยว่า มีรัฐมนตรีและนักการเมืองคนดังเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้หลายคน หนึ่งในนั้น คือ นายปอล เดอนีส์ รัฐมนตรียุติธรรม และนายไมเคิล กายยาร์ด นักการเมืองฝ่ายค้าน
สหรัฐส่งเรือเป็น"สนามบินลอยน้ำ"
ส่วนความช่วยเหลือยังคงเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะขณะที่ความช่วยเหลือจากนานาประเทศหลั่งไหลเข้าไป ความโกลาหลในประเทศกลับทำให้ภารกิจการบรรเทาทุกข์เป็นไปอย่างยากลำบาก
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์พลังงานนิวเคลียร์ยูเอสเอส คาร์ล วิลสัน ที่กำลังเร่งเดินทางและมีกำหนดจะเดินทางถึงเฮติในวันศุกร์ จะทำหน้าที่เป็นฐานลงจอดสำหรับฝูงบินเฮลิคอปเตอร์สำหรับหน่วยปฏิบัติการกู้ภัย และให้การสนับสนุนที่จำเป็นสำหรับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ ซึ่งอาจช่วยลดปัญหาความคับคั่งของท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ที่กำลังเป็นอุปสรรคต่อปฏิบัติการกู้ภัยที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา
เรือลำนี้ออกแบบมาสำหรับใช้ในสงครามและเน้นแสนยานุภาพของสหรัฐ แต่ก็เหมาะสมสำหรับปฏิบัติการด้านมนุษยธรรม เพราะติดตั้งระบบกรองน้ำจืด มีเตียงพยาบาลหลายสิบเตียง ห้องผ่าตัด 3 ห้อง กับดาดฟ้าขนาดใหญ่ ที่สามารถรองรับเฮลิคอปเตอร์จำนวนมาก ทำให้เป็นประโยชน์ในการอพยพทางการแพทย์ ใช้ขนส่งแพทย์กับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกู้ภัยขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์และน้ำดื่ม เพราะ "คาร์ล วิลสัน" มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เตา และเครื่องทำน้ำจืดที่ผลิตน้ำดื่มได้วันละ 4 แสนแกลลอน ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะเฮติกำลังขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มอย่างหนัก
เรือลำนี้มีราคา 4,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.48 แสนล้านบาท) มีความยาว 332 เมตร ดาดฟ้ากว้าง 77 เมตร และมีลิฟต์ 4 ตัว เพื่อขนย้ายเฮลิคอปเตอร์จากดาดฟ้าไปไว้ในโรงเก็บ มีลูกเรือรวม 3,200 คน รวมทั้งแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล และจิตแพทย์ เป็นลำหนึ่งในเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น "นิมิต" ซึ่งสหรัฐมีอยู่สิบลำ และเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่สุดของโลก แต่เรือลำนี้แตกต่างจากลำอื่น ตรงที่ไม่ได้บรรทุกเครื่องบินรบ แต่บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ 19 ลำ มีตั้งแต่เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดใหญ่อย่าง ซีเอช-53 "ซี สเตเลียน" ไปจนถึงขนาดเล็กกว่าอย่าง "ซีฮอว์ก"
โจรปล้นสะดมพุ่งวุ่นทั้งเมือง
หนังพิมพ์เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ว่า ความพยายามช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวอาจเผชิญอุปสรรคจากสถานการณ์ความมั่นคงที่กำลังเสื่อมทรามลงเรื่อยๆ เนื่องจากอาชญากรและประชาชนที่ดิ้นรนหาของมาดำรงชีวิต ขณะที่ทหารสหรัฐกว่า 5,000 คน มีกำหนดจะเดินทางไปถึงเฮติภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อสนับสนุนกำลังตำรวจและกองกำลังรักษาสันติภาพของนานาชาติประมาณ 3,000 นาย ที่ถูกเกณฑ์ไปรักษาความปลอดภัยตามสนามบินท่าเรือและอาคารสำคัญต่างๆ
ด้านเจ้าหน้าที่ขององค์กรการกุศล ระบุว่า พวกเขาแทบไม่เห็นมาตรการรักษาความปลอดภัยในขณะที่การปล้นสะดมกำลังแพร่ระบาด รวมถึงการต่อสู้กันเพื่อแย่งน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยหัวขโมยยังบุกเข้าไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต ที่พังถล่มไปครึ่งหนึ่งในย่านเดลมาส ขนเอาเครื่องใช้ไฟฟ้า ข้าวสารไปด้วย มีบางคนลักลอบดูดน้ำมันจากรถบรรทุกน้ำมันที่คว่ำอยู่ด้วย
เจ้าของกิจการคนหนึ่งเปิดเผยว่า ตำรวจทุกคนมัวแต่กู้ภัยและฝังศพสมาชิกในครอบครัวของตัวเอง ทำให้ไม่มีเวลาออกลาดตระเวนตามท้องถนน
เจ้าหน้าที่เปิดเผยอีกว่า การที่อาหารยังมาไม่ถึง ทำให้คนเริ่มปล้นสะดมตามบ้านเรือน เสียงปืนได้ยินเป็นระยะๆ และหลายครอบครัวพยายามปกป้องตนเองจากคนร้าย
ส่วนตัวแทนจากกาชาดอเมริกันระบุว่า เกิดการปล้นสะดมอย่างแพร่หลายตามอาคารที่พังถล่ม ส่วนกาชาดท้องถิ่นระบุว่า ความสามารถในการช่วยคนจะอ่อนด้อยลงไป ถ้าหายนภัยถูกซ้ำเติมด้วยคลื่นอาชญากรรม
"ยูเอ็น"สะดุดหลังกองบัญชาการถล่ม
หลังจากกองบัญชาการพังถล่ม กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จำนวน 9,000 คน ก็ตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย หลังจากที่สูญเสียบุคลากรไปถึง 100 คน และการขาดเครื่องไม้เครื่องมือในการรับมือกับการจลาจลใหญ่ ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
องค์กรการกุศลด้านการแพทย์จากบอสตัน ระบุว่า พยายามจะขอให้สหประชาชาติช่วยดูแลพื้นที่ที่แพทย์กำลังให้การรักษาผู้บาดเจ็บ แต่กลับได้รับแจ้งว่า การร้องขอนี้ไม่ใช่ความสำคัญอันดับแรกของสหประชาชาติ ส่วนองค์กรการกุศลของบราซิล ระบุว่า ไม่เห็นเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประชาชาติออกมาลาดตระเวนแม้แต่คนเดียว
เฝ้ารอความช่วยเหลือนานาชาติ
นางลอรา บราวน์ โฆษกหญิงของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐ แถลงว่า ทางการเฮติแจ้งระงับการขึ้นลงของเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงปอร์โตแปรงซ์เป็นการชั่วคราวเมื่อวันพฤหัสบดี เพราะท่าอากาศยานเต็ม ยังมีเครื่องบินทหาร 1 ลำ กับเครื่องบินพลเรือน 10 ลำ ต้องบินวนเหนือท่าอากาศยาน เพื่อรอคิวลงจอด ขณะที่หอควบคุมการบินก็เสียหายจากแผ่นดินไหว ทำให้สหรัฐต้องระงับการส่งเครื่องบินและความช่วยเหลือให้แก่เฮติเป็นการชั่วคราว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความล่าช้าให้แก่ความช่วยเหลือจากนานาชาติ ในขณะที่รัฐบาลชาติต่างๆ รวมทั้งองค์การบรรเทาทุกข์ และกลุ่มช่วยเหลือจากทั่วโลก พยายามทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยชาวเฮติจำนวนมากที่ยังถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารแทบทั้งกรุงปอร์โตแปรงซ์
มีรายงานว่า ความโกรธแค้นและสิ้นหวังได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในหมู่ผู้ประสบภัย ที่เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นคืนที่สามที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้ง โดยมีคนจำนวนมากยังติดอยู่ใต้ซากอาคารและรอความช่วยเหลือ ขณะที่กลิ่นซากศพอบอวลไปทั้ว ผู้รอดชีวิตยังขาดแคลนสาธารณูปโภค รวมทั้งอาหารและน้ำ หวาดวิตกจนนอนไม่หลับจากอาฟเตอร์ช็อกที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความช่วยเหลือน้อยมากจากนานาชาติ
แม้นานาชาติจะประกาศให้ความช่วยเหลือ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีอุปกรณ์ยกขนาดใหญ่ตามถนนสายต่างๆของเมืองที่จะมาช่วยเคลียร์ซากปรักหักพังตามถนนสายต่างๆ และเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์บอกว่า หากความช่วยเหลือจากต่างประเทศยังไปไม่ถึง สถานการณ์จะยิ่งถดถอยลงจากรวดเร็ว มีเสียงปืนดังเป็นระยะๆ กับรายงานการปล้นสะดมเป็นบางจุด ขณะที่ชายคนหนึ่งชูกำปั้นและตะคอกใส่ผู้สื่อข่าวต่างชาติคนหนึ่ง ร้องขอแพทย์เพิ่มมากขึ้นและขอผู้สื่อข่าวน้อยลง
ชาวเฮติแค้นผู้นำล่องหน
มีรายงานว่า ชาวเฮติบางส่วนยังโกรธแค้นที่ไม่ได้ข่าวคราวและความช่วยเหลือจากบรรดาผู้นำ ทำให้ยังต้องใช้มือเปล่าในความพยายามช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากอาคาร ที่ยังกรีดร้องและส่งเสียงครางขอความช่วยเหลือ พวกเขามองเห็นเครื่องบินจำนวนมากบนท้องฟ้า และได้ข่าวจากวิทยุว่าจะมีความช่วยเหลือจากนานาชาติ แต่ยังไม่เห็นสักที ทั้งที่เวลาผ่านไปกว่า 48 ชั่วโมงแล้ว
ที่ผ่านมา มีหลายสิบคนได้รับความช่วยเหลือออกจากซากอาคารจากทีมกู้ภัยจากนานาชาติที่ส่งไปถึงแล้วพร้อมสุนัขค้นหา รวมทั้งทีมกู้ภัยจากรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐ ที่ช่วยชีวิตตำรวจชาวเอสโตเนียคนหนึ่งออกจากซากอาคารของสหประชาชาติที่พังถล่ม ทีมทหารจีน 50 นาย พร้อมสุนัขดมกลิ่น และทีมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงฝรั่งเศส 2 พร้อมสุนัข ฯลฯ แต่ยังน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นทั่วเมือง
นอกจากความช่วยเหลือจากหน่วยงานระหว่างประเทศต่างๆ ประธานาธิบดีโอบามาประกาศให้เงินช่วยเหลือ 100 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ต่างขานรับคำร้องขอจากนายโอบามาที่ให้ช่วยระดมเงินความช่วยเหลือเพื่อผู้ประสบภัยและปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ต่างๆ
"ไทเกอร์ วู้ดส์" เล็งบริจาครพ.
เว็บไซต์ข่าวฮัฟฟิงตัน โพสต์ รายงานว่า รัสเซลล์ ซิมมอนส์ ผู้ก่อตั้ง เดฟ แจม เรคคอร์ดดิ้ง ได้เขียนลงในทวิตเตอร์ว่า ไทเกอร์ วู้ดส์ ยอดโปรกอล์ฟชาวอเมริกัน กำลังทำในสิ่งที่น่าอัศจรรย์ โดยได้ยินมาว่า วู้ดส์ได้บริจาคเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,000 ล้านบาท) ให้แก่มูลนิธิไวคลิฟ ฌอง เป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเครื่องบินลำเลียงเพื่อนำโรงพยาบาลเคลื่อนที่ไปยังเฮติ
"ยูเอ็น"คาดยอดตาย 5 หมื่น
ฌอง ลุค มาร์ตินาจ โฆษกขององค์การกาชาดสากลและสมาคมเสี้ยววงเดือนแดง หรือไอซีอาร์ซี แถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ อาจอยู่ที่ระหว่าง 4.5-5 หมื่นคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้อยู่โดยสมาชิกรัฐบาล และจากเครือข่ายอาสาสมัครกาชาดเฮติในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ซึ่งทางไอซีอาร์ซีเชื่อว่าเป็นการคาดการณ์ที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน
ด้าน นางโบแลตต์ อาซอร์ ชาร์ล เอกอัครราชทูตเฮติประจำสเปน กล่าวต่อที่ประชุมเพื่อแสดงการสนับสนุนผู้ประสบภัยชาวเฮติที่กรุงมาดริดในวันเดียวกันว่า อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 วัน กว่าจะประเมินยอดผู้เสียชีวิตแท้จริงได้ เพราะพบศพเพิ่มมากขึ้นทุกวัน นางโบแลตต์ อาซอร์ ชาร์ล กล่าวด้วยว่า การประเมินยอดผู้เสียชีวิตว่าอาจสูงกว่าแสนคนของนายกรัฐมนตรีฌอง แม็ก เยลเลอรีฟ เป็นการประเมินจากสภาพความเสียหายและจำนวนความหนาแน่นของประชากรในกรุงปอร์โตแปรงซ์
ช่วยชีวิต รปภ.จากซากตึกสำเร็จ
นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยชีวิตยามรักษาการณ์คนหนึ่งออกมาจากซากอาคารกองบัญชาการใหญ่สูง 5 ชั้นของสหประชาชาติในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ที่พังทลาย ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์เล็กๆ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติที่ยืนยันแล้วมี 36 คน และสูญหายเกือบ 200 คน ซึ่งรวมทั้งกว่า 100 คน ในซากอาคารกองบัญชาการใหญ่ ที่มีนายเฮดี แอนนาบี กับนายลูอิส คาร์ลอส ดา คอสต้า หัวหน้ากับรองหัวหน้าฝ่ายพลเรือนของกองกำลังปฏิบัติภารกิจ เพื่อรักษาเสถียรภาพของเฮติของสหประชาชาติ หรือ MINUSTAH รวมอยู่ด้วย
นอกจากสหประชาชาติ จนถึงปัจจุบัน มี 10 ประเทศที่รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายในเฮติ รวมทั้งแคนาดาที่ยืนยันผู้เสียชีวิต 3 คน สูญหาย 5 คน, คอสตาริกาสูญหาย 5 คน, ฝรั่งเศสเสียชีวิต 2 คน สูญหายหลายคน, อิตาลีสูญหายประมาณ 100 คน ขณะที่เม็กซิโกติดต่อกับพลเมืองของตนที่อาศัยอยู่ที่เฮติได้ 40 คนจากทั้งหมด 80 คน ส่วนสหรัฐยืนยันผู้เสียชีวิต 1 คน สูญหาย 3 คน ขณะที่สถานทูตติดต่อกับชาวอเมริกันได้เกือบ 1,000 คน แต่ประเมินว่ามีชาวอเมริกันประมาณ 4.5 หมื่นคน อยู่ที่เฮติ
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า ได้ส่งนายฮวน เฟอร์นานเดซ ทริโต เอกอัครราชทูตสเปนประจำเฮติ ที่ได้รับบาดเจ็บไปรักษาที่ฐานทัพเรือสหรัฐที่อ่าวกวนตานาโมของคิวบา ขณะที่ชาติเพื่อนบ้านคือสาธารณรัฐโดมินิกันยืนยันว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแผ่นดินไหวเฮติข้ามพรมแดนเข้าไปรักษาตัวประมาณ 2,000 คน รวมทั้งนายสวี๋เหมียน เซิง เอกอัครราชทูตไต้หวันประจำเฮติ ที่บาดเจ็บเพราะอาคารสถานทูตถล่มทับ แต่ไม่มีการเปิดเผยอาการ ส่วนทหาร 5 นาย จากกองกำลังนานาชาติมีอาการทรงตัวหลังเข้ารับการผ่าตัด และทหารอีก 12 นาย ที่มีอาการบาดเจ็บน้อยกว่าก็ได้รับการรักษาแล้ว