สศช.ห่วงเศรษฐกิจโลกฟื้นไม่จริงจับตา4ปัจจัยหนุน

สศช.ห่วงเศรษฐกิจโลกฟื้นไม่จริงจับตา4ปัจจัยหนุน

สศช.ห่วงเศรษฐกิจโลกฟื้นไม่จริงจับตา4ปัจจัยหนุน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สศช.มองเศรษฐกิจไทยมีโอกาสโตได้เกิน 4% ระบุขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัย ได้แก่ การส่งออก-ท่องเที่ยว-การบริโภค และการลงทุน ยังไม่วางใจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ห่วงกระทบต่อส่งออกและท่องเที่ยว

นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า แม้สำนักพยากรณ์เศรษฐกิจหลายแห่งจะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ประเมินว่าปีนี้น่าจะเติบโต 3.5-4.5% แต่ สศช.เห็นว่ายังมีความเสี่ยงหลายด้าน จึงประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3-4% ซึ่ง สศช.ยังหวังที่จะเห็นเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างน้อย 4% ขึ้น ขณะที่รัฐบาลก็ยอมรับว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ระดับ 3-4% และหวังว่าหากเป็นไปได้เศรษฐกิจน่าจะโตที่ 4.5%

"แต่ทำอย่างไรที่รัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตในระดับที่สูงที่สุด คือ ที่ระดับสูงกว่า 4% ให้ได้ จากปีที่แล้วที่เศรษฐกิจไทยติดลบ 3% แต่การเติบโตของเศรษฐกิจภายในและเศรษฐกิจภายนอกเป็นหัวใจสำคัญ ที่รัฐบาลฟังและมีวิธีการจัดการในเงื่อนไขที่รัฐบาลจัดการได้" นายอำพน ระบุ

ทั้งนี้ ความชัดเจนกติกาการลงทุนตาม ม.67 วรรคสองแห่งรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ทำให้อุโมงค์ที่ดำมืดก่อนหน้านี้ เริ่มเห็นแสงสว่าง นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะรู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร ทำให้ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบและกติกาการลงทุนไม่มีแล้ว

นายอำพน อธิบายว่า การที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างน้อย 4% มาจาก 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1.การส่งออกต้องเติบโตที่ระดับ 10-12% หากผลักดันให้ขยายตัวที่ 12% ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากว่าเศรษฐกิจจะเติบโตที่ 4% 2.จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาเที่ยวประเทศไทยต้องไม่น้อยกว่า 15 ล้านคน 3.การกระตุ้นภาคการบริโภคหรือการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตที่ 2-3% และ 4.การลงทุนจะต้องเติบโตที่ 2.5-3%

"การส่งออกและการท่องเที่ยวจะเป็นหัวใจหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตที่ 4% แต่การส่งออกและการท่องเที่ยวผูกพันกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ มาจากสาเหตุจากการที่ทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และการเติบโตเป็นบวกในทางเทคนิค เพราะปีที่แล้วเศรษฐกิจโลกติดลบ ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นสิ่งที่ไว้วางใจไม่ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยได้" นายอำพน กล่าว

ส่วนสถานการณ์การเมืองนั้น ปัจจุบันประชาชนมีความเข้าใจแล้วว่าเหตุการณ์ความวุ่นวาย หรือความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนและเป็นความเดือดร้อนที่ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของบ้านเมือง รวมถึงทำลายความสุขสูงสุดของคนไทยทุกคน และตนเชื่อว่าเหตุการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น และคนไทยไม่อยากเห็นเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ทำให้บ้านเมืองไม่สงบอีกแล้ว โดยตนต่อต้านทุกอย่างที่นำไปสู่เหตุการณ์ปิดสนามบิน และการจลาจลเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook