หนุ่ม กรรชัย ไล่ไขปริศนา 5 ชีวิตหายตัว ยิ่งฟังยิ่งงง ล่าสุดได้คำตอบ น่าจะไปเพราะเรื่องนี้

หนุ่ม กรรชัย ไล่ไขปริศนา 5 ชีวิตหายตัว ยิ่งฟังยิ่งงง ล่าสุดได้คำตอบ น่าจะไปเพราะเรื่องนี้

หนุ่ม กรรชัย ไล่ไขปริศนา 5 ชีวิตหายตัว ยิ่งฟังยิ่งงง ล่าสุดได้คำตอบ น่าจะไปเพราะเรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี 5 ชีวิตที่หายไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน โดยมีผู้ชายคนหนึ่งเอารถตู้มารับ ผ่านมาร่วม 2 เดือน ที่ทางครอบครัวตามหาตัวแต่ไม่เจอ แต่สุดท้ายมีภาพวงจรปิดเผยออกมาว่า ทั้ง 5 ชีวิต ไปอาศัยอยู่ย่านลาดพร้าว ใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่ใช่การถูกลักพาตัวแต่อย่างใด

ผู้ที่หายตัวไป ประกอบด้วย 1.อุษา ผู้เป็นแม่ 2.บีม ลูกสาวของอุษา 3.ฟ้าใส น้องสาวคนละพ่อของบีม 4. รุ้ง เพื่อนของบีม 5. น้องฟอร์ด หลานชายของอุษา

คุณเพ็ญศรี พี่สาวของอุษา เล่าว่า นายแบงค์เข้ามารู้จักกับครอบครัว ในฐานะแฟนของบีม ลูกสาวของอุษา นายแบงค์เป็นคนพูดจากร่าง วางท่าใหญ่โต บอกว่าเป็นคนร่ำรวย รู้จักกับคนใหญ่คนโตมีอิทธิพลมากมาย เขาเข้ามาอยู่ที่บ้าน บอกว่าจะมาแต่งงานกับบีม และจะมาทำบ้านให้ใหม่หมดเลย แต่ตนก็เคยถามอุษาว่า เขาจะมาแ่งงานกับลูก อุษารู้จักประวัติของเขาดีแล้วหรือ เขาจะมาแต่งงานก็ต้องเอาพ่อแม่เขามาขอเป็นกิจลักษณะ ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่รู้เลยว่าหัวนอนปลายเท้า พื้นฐานเขาเป็นอย่างไร แต่อุษาบอกว่าเขาจะมาเป็นเขยเรา เขาจะมาหลอกเราได้อย่างไร เรามีอะไรให้หลอก

คุณเพ็ญศรี บอกว่า ในแต่ละวัน นายแบงค์จะเอารถตู้มารับคนในบ้านออกไปเที่ยว ไปไหนมาไหน โดยมีคนขับรถชื่อนพดลเป็นคนขับ เวลาไปไหนด้วยกัน นายแบงค์จะเก็บมือถือของทุกคนในบ้านไปรวมไว้กับตัวเองหมด 6 เครื่อง มีแค่ของคุณเพ็ญศรีคนเดียวที่ไม่ยอมให้นายแบงค์เอาไปถือ แต่เขาจะบอกตลอดเวลาว่า อย่าโพสต์โซเชียล ว่าเราไปไหนมาไหน แล้วเวลาอยู่บนรถ เขาจะบอกว่ากระเป๋าของเขา อย่าให้ใครมาจับ อย่าให้เด็กๆ มาเล่น เพราะมีปืนอยู่ 2 กระบอก

ทุกครั้งที่ไปเที่ยวกัน คนที่ควักเงินจ่ายทุกอย่างคืออุษา นายแบงค์ไม่เคยควักเงินอะไรเลย โดยอุษาบอกว่า นายแบงค์ชวนอุษาไปลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน ไม่รู้ธุรกิจอะไร 

ขณะที่ป้าเกสร ป้าของน้องรุ้ง เพื่อนของบีม ซึ่งรุ้งเป็นหนึ่งในคนที่หายตัวไปพร้อมกัน แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกในครอบครัว ป้าเกสรรู้แค่ว่า รุ้งบอกว่าจะไปทำงานกับแฟนของบีม แต่ทำงานอะไรป้าไม่รู้ หลานบอกว่า ป้ารู้แค่เท่าที่เขาอยากให้รู้ก็พอ

ต่อมา วันที่ 8 พฤษภาคม มีกล้องวงจรปิดในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง จับเหตุการณ์ในห้องน้ำ ที่ฟ้าใสกับรุ้งตอนไปเข้าห้องน้ำ แล้วเจอคนลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในห้องน้ำ รุ้งได้ใช้มือถือเครื่องนั้นโทรหาป้าเกสร บอกว่าอยู่ที่กาญจนบุรี เดี๋ยวไม่นานจะกลับบ้าน

ต่อมามีภาพวงจรปิดเปิดเผยออกมาว่า 5 ชีวิต ไปอยู่อาศัยที่แมนชั่นแห่งหนึ่ง ในซอยลาดพร้าว 130 ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าบอกว่า เด็กๆ ในภาพ ใช้ชีวิตกันปกติ พูดคุย วิ่งเล่นกัน ตามปกติ ไม่ได้เหมือนถูกบังคับมา แต่พอมีภาพ มีข่าวเผยแพร่ออกไป นายแบงค์ก็ขับรถกระบะสีดำ มารับทุกคนย้ายออกจากห้องพักดังกล่าวไปเลย

ขณะที่นายสุพจน์ สามีของอุษา บอกว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ได้คุยกันล่าสุดกับภรรยา เขาโทรมาหา มาขอเงิน เป็นวันเดียวกับที่รุ้งโทรหาป้าของเขา ตนไม่ได้ให้เงินไป แต่ถามเขาว่าทำไมไม่พาลูกกลับมาเรียนหนังสือ แต่พอขอเงินตนไม่ได้เขาก็วางสายไป ไม่ติดต่อกลับมาอีก ตนมองว่าเขาอาจจะไม่ได้ถูกบังคับไป เขาน่าจะมีปัญหาเรื่องหนี้สินที่หยิบยืมชาวบ้านเอาไปให้นายแบงค์ แล้วต้องหนีหนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาเด็กๆ ไปด้วยทำไม

โดยส่วนตัว ตนเคยเจอกับนายแบงค์ 2 ครั้ง เขาสนิทสนมกับภรรยา และลูกเลี้ยง ตนเห็นแล้วก็ไม่ถูกชะตา ดูก็รู้ว่าเขาไม่น่าจะมาดี บอกว่าตัวเองรวยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ดูก็รู้ว่ากำมะลอ แต่พอเขารู้ว่าตนไม่ชอบ ภรรยาก็กันตนออกไม่ให้ยุ่ง ทำให้ตนไม่ได้สนิทสนมกับเขา

ขณะที่นายนพดล คนขับรถของนายแบงค์ โฟนอินเข้ามาเล่าว่า นายแบงค์ทำธุรกิจประมูลงาน และธุรกิจปั๊มน้ำมัน ตนทำงานขับรถกับเขามาประมาณ 1 ปีเศษ ตอนแรกๆ นายแบงค์ก็จ่ายค่าจ้าง แต่พอช่วงเดือนธันวาคม 2565 เป็นต้นมา นายแบงค์ไม่จ่ายค่าจ้างอีกเลย 

ต่อมาช่วงปลายเดือนเมษายน ตนกลับบ้านเพราะแม่เสียชีวิต วันที่ 30 เมษายน นายแบงค์โทรมาบอกว่ามีธุระต้องไปเชียงราย เขามาขอเอารถตู้ไปจากบ้านที่พะเยา โดยบอกว่าจะขับไปเอง ซึ่งรถคันนี้เป็นรถของพี่ชายของนพดล ตอนนั้นคิดว่าไม่มีอะไรก็เลยเอารถให้เขาใช้

จนกระทั่งวันที่ 10 พฤษภาคม นายแบงค์ขับรถมารับตนที่บ้านที่พะเยา โดยมี ทั้ง 5 ชีวิตอยู่บนรถด้วย เขาบอกว่าจะให้ตนขับรถไปส่งกลุ่มนี้ที่นครศรีธรรมราช แต่หลังจากออกมาไม่นานก็มีตำรวจที่ติดตามรถตู้มา มาจับกุมตน ซึ่งตำรวจตามมาจากกรณีที่น้องรุ้ง เก็บมือถือนักท่องเที่ยวจีนได้ที่ปั๊มน้ำมันในแม่สรวย เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. แล้วไม่คืนเจ้าของ

ซึ่งเรื่องนี้ขัดแย้งกับที่รุ้งโทรหาป้าเกสร วันที่เก็บมือถือได้ ซึ่งรุ้งบอกว่าอยู่ที่กาญจนบุรี และกำลังจะกลับบ้าน ซึ่งป้าเกสรบอกว่า ถ้านายนพดลไม่โกหก ก็ต้องเป็นหลานของตนที่โกหก

นายนพดลบอกว่า ตนก็โดนหลอกเหมือนอุษา นายแบงค์หลอกเอาเงินไป เขาบอกว่าเขาหมุนเงินไม่ทัน ต้องจ่ายค่าภาษีอะไรของเขาก็ไม่รู้ เอาเงินของตนไปก้อนหนึ่ง ซึ่งเขาก็ผัดผ่อนมาเรื่อย ว่าเดี๋ยวจะให้เงินตอนนั้น ตอนนี้ แต่ก็ยังไม่ได้คืน ตนอยากได้เงินคืน จึงยังต้องอยู่กับเขา ไปไหนไม่ได้ 

ส่วนโทรศัพท์ของทุกคน ที่นายแบงค์เอาไปเก็บไว้ ตอนนี้นายแบงค์เอาไปจำนำหมดแล้ว โดยเจ้าของโทรศัพท์ทุกเครื่องยินยอม ส่วนบรรยากาศที่เขาอยู่ด้วยกันก็ดูปกติดี ไม่เคยเห็นเขาทะเลาะกัน

ป้าเพ็ญศรี เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าตี 5 ที่ผ่านมา อุษาเพิ่งจะโทรมาหาตน บอกว่าอย่าไปแจ้งความ ให้ไปถอนแจ้งความซะ เขาโตแล้ว เขาจะไปไหนก็ได้ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเขาก็ตัดสายไปเลย

ขณะที่ทนายรณณรงค์ ฟังเรื่องนี้แล้วมองว่า ถ้าจะบอกว่าเป็นการลักพาตัว ต้องดูว่าผู้ที่หายไป ถูกบังคับไปหรือไม่ ดูจากกล้องวงจรปิดแล้วคิดว่าไม่ได้ถูกบังคับ เด็กๆ ก็ดูเป็นอิสระ จะหนีกลับบ้าน หรือจะใช้โทรศัพท์ติดต่อคนที่บ้านก็ย่อมทำได้ ซึ่งทางผู้ปกครองสามารถไปแจ้งความได้เพียงแค่การตามหาตัว 

ถ้าคนที่ 5 สมัครใจไปเอง ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาย่อมทำได้ แต่ก็เข้าใจในมุมของครอบครัว ว่าการที่สมาชิกในครอบครัวหายไปจากบ้าน ไปกับใครก็ไม่รู้ จะไปทำงานผิดกฎหมายหรือไม่ก็ไม่รู้ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง

ท้ายที่สุด ทำให้ในช่วงท้ายของรายการ เชื่อว่า อุษา น่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน ที่ไปกู้หนี้ยืมสินมาให้นายแบงค์ ที่อ้างว่าจะเอาไปลงทุนทำปั๊มน้ำมันด้วยกัน สุดท้ายต้องหอบลูกจูงหลานติดไปด้วยทั้ง 5 ชีวิต แต่เมื่อเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ ป้าๆ ทั้งสองคนตั้งคำถามว่า จะพาลูกหลานไปด้วยทำไม ป้าเพ็ญศรี และป้าเกสร พูดตรงกันว่า ไม่ว่าอุษาจะไปไหน ไปกับใคร ถ้าสมัครใจไป ก็ตามแต่ใจเขา แต่ขออย่างเดียว พาเด็กกลับมา ให้น้องรุ้ง ฟ้าใส กับ ฟอร์ด กลับมา เพราะเขายังต้องเรียนหนังสือ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ

อัลบั้มภาพ 19 ภาพ ของ หนุ่ม กรรชัย ไล่ไขปริศนา 5 ชีวิตหายตัว ยิ่งฟังยิ่งงง ล่าสุดได้คำตอบ น่าจะไปเพราะเรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook