“ธนกร” ฉะ "ก้าวไกล" ประกาศไม่โหวตให้ ปธ.สภาที่มาจากพรรคจ้องแก้ ม.112
“ธนกร” ลั่น ไม่โหวตให้ปธ.สภาที่มาจากพรรค จ้องแก้ม.112 ฉะ ก้าวไกล แย่งเก้าอี้ หวังแค่ดันกฎหมายสุ่มเสี่ยงเข้าสภา ชี้ อย่าอ้างเสียงประชาชนใช้สภาเปลี่ยนประเทศตามใจแค่บางกลุ่ม มั่นใจ คนรักสถาบันทั้งประเทศ ไม่ยอมแน่
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาเตรียมประชุมเพื่อเลือกประธานสภา ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ว่า ไทม์ไลน์ทางการเมืองในการเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภา ก่อนจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ในช่วงกลางเดือนนี้ ถือว่าเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ส่วนตัวและพรรครวมไทยสร้างชาติมีความชัดเจนแล้วว่า การเลือกตัวประธานสภา รวมถึงนายกรัฐมนตรีนั้น เราจะไม่สนับสนุน ไม่เลือก บุคคลที่มีวาระมุ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างแน่นอน เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นความมั่นคงของรัฐ เป็นกฎหมายสำคัญเพื่อปกป้องประมุขของประเทศ จึงจะไม่โหวตให้ทั้งบุคคลและพรรคการเมืองใดที่มีวาระการแก้ไขกฎหมายนี้
เมื่อถามว่า พรรคที่ได้อันดับ 1 คือพรรคก้าวไกล ต้องการได้เก้าอี้ประธานสภา มีความมุ่งหมายเพื่อเสนอวาระแก้ไขมาตรา 112 ชัดเจนนั้น นายธนกร ระบุว่าพรรคก้าวไกลมีความชัดเจนตั้งแต่แรก เมื่อตอนหาเสียงกับประชาชนไว้อยู่แล้วว่าจะเข้าสภาเพื่อแก้กฎหมายดังกล่าว และทุกการปราศรัย รวมถึง ทุกเวทีดีเบตของทั้งหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรค ก็ชูธงในเรื่องนี้ ทุกคนต่างทราบดี จึงคิดว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่พรรคก้าวไกลและผู้สนับสนุน ไม่ยอมถอยหรือยกเก้าอี้ประธานสภา ให้กับเพื่อไทย
เมื่อถามว่าประธานสภาก็ไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่เหตุใดพรรคก้าวไกลจึงไม่ยอมถอย นายธนกร กล่าวว่า การที่พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยยังคุยกันไม่ลงตัว เรื่องประธานสภานั้น ส่วนตัวมองว่า พรรคก้าวไกลมีเป้าหมายชัดเจนเรื่องการแก้กฎหมายนี้ รวมไปถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบสภา ตามที่แคนดิเดตประธานสภา คือนายปดิพัทธ์ สันติภาดาได้ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ไว้แล้วว่าต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบสภา เพราะถ้าหากประธานสภาเป็นของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลอาจจะไม่แน่ใจว่าจะมีเสนอวาระแก้ไขกฎหมายนี้หรือไม่
“ในสมัยประชุมสภาครั้งที่แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น มองว่าเป็นกฎหมายสำคัญมีไว้เพื่อคุ้มครองประมุขของประเทศ หากมีการเสนอแก้ไข ลดทอนให้กฎหมายเบาลง อาจเป็นความสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของรัฐ จึงขอเรียกร้องไปยังพรรคก้าวไกล ว่า อย่าอ้างเสียงประชาชนที่เลือกมา 14 ล้าน เพราะ ไม่ใช่ว่า 14 ล้านคนที่เลือกพรรคก้าวไกลมาจะเห็นด้วยกับการแก้กฎหมายทั้งหมด ขออย่าใช้สภาเปลี่ยนแปลงอะไรตามอำเภอใจของคนแค่บางกลุ่ม เพราะคนไทยที่เหลืออีกกว่า 40-50 ล้าน คนที่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งประเทศรวมถึงตัวผมด้วยนั้น จุดยืนชัดเจน ไม่ยอมให้แก้กฎหมายนี้อย่างแน่นอน”