BTSเพิ่มมาตรการกันอุบัติเหตุซ้ำบนชานชาลา

จัดทีมบริหารปริมาณผู้โดยสาร เพิ่มเจ้าหน้าที่ รปภ.คุมเส้นเหลืองเป็น 2 คน ระบุหากยืนหลังเส้นเหลืองไม่ตกชานชาลาแน่

เมื่อวันที่ 21 มกราคม นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส กล่าวว่า กรณีที่ผู้โดยสารรอรถไฟฟ้าและตกลงจากชานชาลานั้น ทำให้บริษัทต้องเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลผู้โดยสารมากขึ้น โดยในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก คือช่วงเช้าก่อนเวลาทำงาน และเย็นหลังเลิกงาน จะมีการกักปริมาณคนขึ้นไปบนชานชาลา หากเห็นว่ามีจำนวนมาก จากเดิมที่สามารถขึ้นไปรอรถไฟฟ้าได้อย่างอิสระ

มาตรการบริหารปริมาณผู้โดยสารนี้ เดิมบริษัทมีใช้อยู่แล้ว แต่จะทำเฉพาะช่วงที่มีงานอีเวนท์ใหญ่ๆ มีผู้โดยสารแออัดมากๆ แต่จากนี้ไปจะใช้มาตรการนี้ทุกวัน ทั้ง 2 ช่วงเวลาคือเช้าและเย็น นอกจากนี้จะเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ.ที่ประจำบริเวณเส้นเหลือง ซึ่งจะคอยเป่านกหวีดเตือนผู้โดยสารหากเห็นว่ายืนล้ำเส้นเหลือง จะเพิ่มจากเดิม 1 คน เป็น 2 คน อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วหากผู้โดยสารยืนอยู่หลังเส้นเหลือง แล้วเกิดอุบัติเหตุล้มลงก็จะไม่ตกลงจากชานชาลา เพราะยังมีพื้นที่ห่างอยู่ประมาณ 1 เมตร

"คิดว่ามาตรการดังกล่าวนี้น่าจะเพียงพอ ซึ่งต่อไปเราจะเข้มงวดไม่ให้ผู้โดยสารยืนล้ำหน้าเส้นเหลือง โดยขอดูระยะหนึ่งก่อนว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอย่างที่ผ่านมาได้หรือไม่ หากยังไม่สามารถควบคุมได้จริงก็จะเพิ่มมาตรการอื่นๆ เข้าไปอีก" นายสุรพงษ์ กล่าวและว่า บริษัทจะประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติมด้วย

ส่วนข้อถามที่ว่า จำเป็นจะต้องทำเครื่องกั้นบริเวณชานชาลาหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น และการทำเครื่องกั้นก็มีทั้งข้อดีและเสีย คือทำให้ความเสี่ยงลดลง แต่ก็มีต้นทุนที่สูงมาก และในบางครั้งอาจไปรบกวนระบบการเดินรถ ทำให้เกิดการขัดข้องได้ แต่ในกรณีของรถไฟฟ้าใต้ดินจะแตกต่างกันออกไป เพราะกรณีใต้ดินนั้นมีความจำเป็นในเรื่องของระบบปรับอากาศ ซึ่งในเมืองร้อนจำเป็นจะต้องติดแอร์ และเมื่อติดแอร์แล้วก็ต้องมีประตูกั้น