หลาน แค้น น้าตบหน้าแม่! คว้าปืนยิงน้าดับ

หลาน แค้น น้าตบหน้าแม่! คว้าปืนยิงน้าดับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลานเลือดเดือดแค้นน้าชายไล่แม่ออกจากบ้าน แถมตบจนหน้าฟาดพื้นฟันหัก ชักปืนยิงดับ ก่อนพาเมียท้องแก่ซิ่งจักรยานยนต์หนี

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 21 มกราคม พ.ต.ท. เมธี สงวนสัตว์ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งเหตุจาก รพ.นครปฐม ว่ามีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้ามารักษาตัวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จำนวน 1 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บฟันหน้าหักปากแตกยังสลบอยู่ ถูกนำส่งมารักษา โดยมาจากสถานที่เดียวกัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ

เบื้องต้นทราบว่า ได้เกิดเหตุยิงกันที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 148 หมู่ 3 ต.หนองดินแดง อ.เมือง จ.นครปฐม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต. พศิน นกสกุล ผบก.จว.นครปฐม พ.ต.ท. ชัยรัตน์ บัวขม รอง ผกก.ป. พ.ต.ท. ทรงพล โพธิ์ปฐม สว.สส.และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจำนวนหนึ่ง

บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุซึ่งปลูกเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เจ้าหน้าที่พบกองเลือดกองใหญ่อยู่ที่พื้นดิน ส่วนผู้ถูกยิงหลังจากถูกนำส่งรพ.ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือนายบุญลือหรือแป๊ะ พูลขวัญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 ม. 3 ต.หนองดินแดง อ.เมือง จ.นครปฐม มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด . 38 มม.เข้าที่บริเวณราวนมซ้าย จำนวน 1 นัด กระสุนฝังใน

ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายเป็นหญิงทราบชื่อคือนาง บัวผันหรือติ๋ม กัลยาเครือใหญ่ อายุ 52 ปี ปากถูกกระแทกอย่างแรงจนฟันหัก 4 ซี่ เนื่องจากถูกตบอย่างแรงจนหน้ากระแทกพื้นจนสลบ และมีพลเมืองดีนำส่งรพ.ศูนย์นครปฐม

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุนั้นคือนายธนวัฒน์ หรือหมู คุรุพันธ์ อายุ 22 ปี ลูกชายของนาง บัวผัน หรือติ๋ม ผู้บาดเจ็บ ซึ่งหลังก่อเหตุแล้วได้ขับขี่รถจยย. หลบหนีไปพร้อมกับภรรยาซึ่งท้องแก่ใกล้คลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับ พร้อมกับชุดสืบสวนออกติดตามตัวเพื่อจับกุมแล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่พบตัว

จากการสอบสวนต่อมาทราบว่า นาง บัวผัน หรือติ๋ม ผู้บาดเจ็บและนายบุญลือ หรือแป๊ะผู้ตายนั้น เป็นญาติกันและนางบัวผันหรือติ๋มได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านของนายแป๊ะ จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นนางบัวผันหรือติ๋มได้มาชวน ผู้ตายออกไปซื้อเหล้าด้วยกันข้างนอก และเมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้านสักครู่นายธนวัฒน์ หรือหมู ผู้ก่อเหตุ ก็ได้ขับขี่รถจยย.ตามมาโดยมีภรรยาสาวที่ตั้งครรภ์ใกล้คลอดนั่งซ้อนท้ายมาด้วย เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุผู้ก่อเหตุก็ได้เข้ามาด่าว่าผู้ตายจนเกิดปากเสียงกันอย่างรุนแรง และชักอาวุธปืนที่พกออกมายิงขึ้นฟ้าจำนวน 1 นัด นางติ๋มมารดาของนายหมู จึงได้เข้าไปห้ามปราบแต่ถูกนายแป๊ะผลักจนล้มหน้ากระแทกพื้นสลบคาที่ นายหมูเห็นดังนั้นจึงใช้ปืนยิงเข้าใส่นายแป๊ะจนล้มคว่ำก่อนที่จะขับขี่รถจยย.ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน หลบหนีไปพร้อมกับภรรยา

นาง สุนีย์ พุทธรักษา อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า ตนเป็นพี่สาวของผู้ตาย และมีศักดิ์เป็นน้าของนายหมู ผู้ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงน้องชายตน เสียชีวิต ซึ่งนางติ๋ม ผู้บาดเจ็บนั้นได้เข้ามาอาศัยอยู่กับตนนานกว่า 6 เดือนแล้ว และก่อนเกิดเหตุเมื่อ 3 วันที่ผ่านมาตนได้บอกกับนางติ๋มว่าให้ช่วยขนเสื้อผ้าของและเครื่องใช้สอยของนางติ๋มที่วางอยู่ระเกะระกะอยู่ในห้องนอนของน้องสาวของตนออกไป เพราะน้องสาวและน้องเขยของตนจะมาเที่ยว และจะมาพักห้องนั้น อาจเป็นเหตุให้นายหมูไม่พอใจ คิดว่าตนและผู้ตายไล่นางติ๋มออกจากบ้านก็เป็นได้ จึงตามหาเรื่องผู้ตายจนถึงขึ้นทะเลาะวิวาทกัน ก่อนที่นายหมูจะชักอาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าจำนวน 1 นัด ตนเห็นท่าไม่ดี จึงได้คว้ารถจยย.ขับขี่ออกไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้มาระงับเหตุ และเมื่อกลับมาก็พบว่าน้องชายของตนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งรพ.ศูนยฺนครปฐมแล้ว

นาง บัวผัน หรือติ๋ม มารดา ของนายหมูผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงน้าชายเสียชีวิต เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นขณะที่ตนและนายแป๊ะผู้ตายออกไปซื้อเหล้านั้น นายแป๊ะผู้ตายได้บังคับให้ตนโทรศัพท์ติดต่อนาย หมู ลูกชายของตนให้ ซึ่งตนก็ได้โทรศัพท์ไปยังลูกชายของตน และให้นายแป๊ะพูดสาย ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกัน ต่อมาตนก็เห็นลูกชายของตนขับขี่รถจยย.เข้ามาพร้อมกับลูกสะใภ้ เมื่อมาถึงก็มีปากเสียงกันกับผู้ตาย และลูกชายของตนก็ชักอาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า จำนวน 1 นัด ตนเห็นท่าไม่ดีจึงร้องห้ามและรีบเข้าไปหาลูกชายของตนที่ถือปืนอยู่ ผู้ตายจึงได้ผลักตนจนล้มคว่ำหน้ากระแทกพื้น ซึ่งขณะนั้นตนรู้สึกมึนงง แต่ก็ได้ยินเสียงลูกชายตะโกนว่า " มึงทำแม่กูใช่ไหม " จากนั้นตนก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย และมารู้สึกตัวอีกครั้งก็อยู่ที่รพ.แล้ว

พ.ต.ท.เมธี สงวนสัตย์ พนักงานสอบสวน กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนให้เร่งสืบสวนติดตามคนร้าย ผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งคาดว่าคงจะหลบหนีไปได้ไม่ไกล เนื่องจากผู้ก่อเหตุได้พาภรรยาที่ท้องแก่ใกล้คลอดไปด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook