เสธ.แดง ล่องหน! หวั่นถูกรวบคาสนามบิน
"ป๊อก" เครียดเรียก 5 เสือ ทบ.-ผบช.น.-สันติบาลถกสถานการณ์หลังถูกเอ็ม 79 ถล่ม ไฟเขียวทหาร-ตำรวจค้นบ้าน "เสธ.แดง" พร้อมรวบตัวลูกน้องหลังเจอเอ็ม 79-อาวุธสงคราม-ระเบิดอื้อ ขณะที่ "เสธ.แดง" ปัดเกี่ยวข้อง ชี้ถ้าทำจริงเอาชีวิตเลย แต่เชื่อมีรอบสองจนกว่า "ป๊อก" จะลาออก เตือนให้ย้ายลูกเมียออกมาอยู่ที่กรมทหารราบ ระบุกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ไม่หวังเอาชีวิต แต่อยากให้ตายทั้งเป็น "มาร์ค" เชื่อแค่สร้างสถานการณ์
นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่ท้าทายศักดิ์ศรีของกองทัพ และผู้บัญชาการทหารบกอีกครั้ง เมื่อคนร้ายลอบยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้ามาที่ชั้น 6 ตึกกองบัญชาการกองทัพบก บริเวณใกล้ห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ปฏิเสธข่าวที่เกิดขึ้นว่าไม่เป็นความจริง แต่ล่าสุดกองทัพได้ออกมายอมรับในเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมตามล่าหาคนร้ายที่ก่อเหตุทันที
โฆษกทบ.รับเอ็ม79บึ้มจริง
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 มกราคม พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกองทัพบกไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามวงรอบ ซึ่งปรากฏพบร่องรอยบริเวณผนังของอาคารชั้น 6 มีร่องรอยเป็นรู และรอยปูนแตก จึงไม่ได้สังหรณ์อะไร แต่ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศชี้แจงว่า มีการพูดคุยจากโปรแกรมสนทนาทางกล้องวิดีโอ หรือแคมฟรอก ในลักษณะว่ามีการยิงกระสุนปืนเอ็ม 79 มาที่กองบัญชาการกองทัพบก
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เมื่อข่าวทั้งสองฝ่ายตรงกัน ผู้บังคับบัญชาจึงมอบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบบริเวณที่พบร่องรอย ปรากฏว่าจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่สรรพาวุธทหารบกรายงานว่า เป็นร่องรอยการระเบิดของวัตถุระเบิดชนิดใดชนิดหนึ่งจริง แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นวัตถุระเบิดชนิดใด จากการสันนิษฐานน่าจะเป็นช่วงเวลากลางคืน โดยช่วงเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เวรยามไม่มีใครได้ยินเสียงระเบิด แต่จากการประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดเชื่อว่าจุดเกิดเหตุคือ บริเวณผนังอาคารชั้น 6 ฝั่งด้านห้องออกกำลังกาย ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องทำงานของ ผบ.ทบ. และห่างมากพอสมควร ดังนั้น น่าจะเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสนขึ้นในสังคมของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ไม่น่าจะเป็นการปองร้ายผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ
เผยยังไม่พุ่งเป้า "เสธ.แดง"
พ.อ.สรรเสริญกล่าวต่อว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่กองทัพบกตามปกติถือเป็นมาตรการที่มีความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการด้านข่าวสาร หรือเจ้าหน้าที่เวรยามตลอดจนการใช้ทีวีวงจรปิด แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ที่ตั้งของกองทัพบกโดยรอบจะมีที่พักของประชาชน และเส้นทางคมนาคมต่างๆ ค่อนข้างมาก ดังนั้น หากถามว่าการดูแลรอบๆ กองทัพบกทำได้หรือไม่ ต้องยอมรับว่า ทำได้ แต่สถานการณ์บ้านเมืองในภาวะที่ใช้กฎหมายตามปกติคงทำไม่ได้ หากมีการตั้งจุดตรวจโดยรอบกองทัพบกจะทำให้เกิดความวุ่นวาย และประชาชนเดือดร้อน
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นหลังจากมีการสั่งพักราชการ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า หลายคนอาจมองอย่างนั้น แต่สำหรับกองทัพเมื่อทุกอย่างยังไม่ชัดเจน จะไปเหมารวมคงไปไม่ได้ อีกทั้งจะทำให้ผู้ที่พาดพิงถึงได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ย้ำว่า ต้องทำทุกอย่างตามขั้นตอน หน้าที่ ไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ส่วนที่ถามว่า กองทัพรู้สึกเสียหน้าหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญชี้แจงว่ากับคำถามนี้ ผบ.ทบ.บอกว่าไม่รู้สึกเสียหน้า เพราะถือว่ามาตรการป้องกันที่ทำอยู่ถือว่าดีที่สุด แต่หากใครทำเหตุการณ์อย่างนี้ต้องพิจารณาตนเองว่า ทำอะไรอยู่ และทำให้สังคมเกิดความวิตกกังวลหรือไม่ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าทำไมต้องปิดข่าวนั้น เรื่องนี้ขอชี้แจงว่า พล.อ.อนุพงษ์ไม่ได้ปิดข่าว แต่ไม่มีใครถาม เพราะปกติตามวิสัยของทหารอะไรก็แล้วแต่ที่ชี้แจงต่อสังคมโดยที่สังคมยังไม่ได้ตั้งข้อสงสัย จะทำให้สังคมตื่นตระหนก ดังนั้นในความรับผิดชอบของคนที่เป็นทหาร อะไรที่เกิดขึ้นแล้วพิจารณาว่า จะทำให้สังคมตระหนกตกใจก็ไม่พูดเสียดีกว่า
กลาโหมชี้"ประวิตร"สั่งเช็กข่าว
ขณะที่ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ทั้งด้านหน้า และด้านข้างของกระทรวงกลาโหม พร้อมทั้งสอบถามเวรยามที่อยู่ด้านข้างของกรมพระธรรมนูญและศาลหลักเมือง โดยเฉพาะบริเวณริมคลองหลอดและผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องเสียงระเบิดที่เกิดขึ้น ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีอะไร รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ในพื้นที่ของกระทรวงกลาโหม ตามจุดล่อแหลมก็ไม่พบเหตุการณ์อะไร จึงขอยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ดูแลในพื้นที่ต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของการข่าว อยากให้แต่ละส่วนมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล และต้องการให้ป้องกัน มากกว่าที่จะมีการแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมาท่านเคยสั่งการไปยังหน่วยงานต่างๆ แล้วว่า เรื่องของอาวุธสงคราม ขอให้มีการตรวจสอบและมีการเข้มงวด ส่วนเรื่องเหตุระเบิดที่กองทัพบก ต้องให้กองทัพบกตรวจสอบอีกครั้งว่า เป็นการกระทำของคนกลุ่มไหน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ตำรวจต้องเข้ามาดูในเรื่องของหลักฐานในพื้นที่ วัตถุระเบิด วัตถุกระสุน" โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
"ป๊อก"เรียก 5 เสือทบ.-ตร.ถก
เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. พล.อ.อนุพงษ์ได้เชิญ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เดินทางมาที่กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อประชุม และประเมินสถานการณ์ พร้อมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มาร่วมประชุมด้วย โดยใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมง 30 นาที
ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ได้เรียกประชุม 5 เสือ ทบ. ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เพื่อประเมินสถานการณ์แล้ว จากนั้นจึงประชุมร่วมกับนายสุเทพ และผู้บัญชาการตำรวจจาก 3 หน่วยงานดังกล่าว และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบในจุดที่เกิดเหตุด้วย
ตั้งเป้าเอ็ม79ยิงมาจาก 3 จุด
ในที่ประชุมได้สรุปถึงอาวุธสงครามที่ใช้ยิงมาบริเวณดังกล่าวด้วย โดยมีการคาดว่าลูกระเบิดเอ็ม 79 อาจจะยิงมาจาก 3 ที่ คือ สะพานพระราม 8 ตึกสวัสดิการของ ทบ. ที่อยู่ด้านหลังของกองบัญชาการกองทัพบก และบริเวณแฟลตทหารที่อยู่บริเวณด้านข้างตึกบัญชาการกองทัพบก หรือบริเวณใกล้ๆ กรมแผนที่ทหาร
พล.ท.คณิตให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพียงสั้นๆ ว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการประเมินสถานการณ์ทั่วไปประจำสัปดาห์ตามปกติ ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้แสดงความกังวลหรือห่วงใยเรื่องใดเป็นพิเศษ และที่ประชุมไม่ได้หารือกรณีคนร้ายยิงระเบิดเข้ามาที่กองบัญชาการกองทัพบก
สั่งค้นบ้านเสธ.แดง.-ลูกน้อง
จากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. พล.อ.อนุพงษ์อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.ขัตติยะ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่าอาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ โดยกองทัพบกสั่งการให้ พ.ต.ประเสริฐ พิศมัย นายทหารพระธรรมนูญ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร ทั้งของ ม.พัน.3 และ ม.พัน.4 ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พร้อมกับพนักงานสอบสวน เข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.ขัตติยะ ที่บ้านพักนายทหาร เลขที่ 1156/27 ม.พัน.4 ตรงข้ามโรงเรียนโยธินบูรณะ สี่แยกเกียกกาย ถนนสามเสน กทม. จากการตรวจค้นพบระเบิดขว้างชนิดเอ็ม 26 อาวุธปืนพกสั้นขนาด .380 พร้อมกระสุน คอมพิวเตอร์ 1 ชุด และแผ่นซีดีอีกจำนวนหนึ่ง โดยมี พลฯ มนัสชัย คำพร เป็นผู้ดูแลบ้านดังกล่าว
นอกจากนี้กำลังทหารอีกชุดหนึ่งได้เข้าตรวจค้นบ้านพักแฟลตชุมชนทหาร ห้องที่ 9 ชั้นล่าง ภายใน ม.พัน.3 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัน สามารถควบคุมตัวทหารต้องสงสัย คือ จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ สุวรรณราช สังกัด ม.พัน.3 รอ. ซึ่งเป็นทหารที่ขับรถให้พล.ต.ขัตติยะ พบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ถข 1161 กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจค้นพบระเบิดเอ็ม 79 หัวทอง 24 ลูก ระเบิดเอ็ม 79 ดำเลาะ 8 ลูก ปลอกระเบิดเอ็ม 79 อีก 2 ปลอก อาวุธปืนอาก้าหลายร้อย และอาก้า 4 เเม็ก ระเบิดทีเอ็นที 1 ปอนด์ 6 แท่ง ระเบิดทีเอ็นที 1/2 ปอนด์ 3 แท่ง ระเบิดทีเอ็นที 1/4 ปอนด์ 4 แท่ง ระเบิดเคโม 3 แท่ง และสายเเคร์ 2 ม้วน จากการตรวจที่บ้านพัก จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์พบระเบิดเอ็ม 79 10 ลูก กระสุน ปตอ.17 นัด ระเบิดควัน 12 ลูก ปืนยาวขนาด.22 1 กระบอก เอ็ม 60 5 ชุด ระเบิดสังหาร 1 ลูก และอาก้า 4 แม็ก เเม็กอาก้า 9.CZ 1 เเม็ก ระเบิดเเคร์ 1 อัน และมีดหัวตัด 1 เล่ม
รวบทหารลูกน้องปัดเกี่ยวข้อง
สอบสวนเบื้องต้น จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ ให้การว่า เคยเป็นลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ เมื่อหลายปีก่อน ทั้งเคยร่วมงานเป็นคณะทำงานติดตามนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ได้แยกตัวออกมา ไม่ได้ใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ
ภายหลังการเข้าตรวจค้นทั้ง 2 จุด ทหารได้ประสานพนักงานสอบสวนทำบันทึกการตรวจค้นและยึดของกลาง ก่อนจะควบคุมตัว พลฯ มนัสชัย และ จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ ส่งให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.สอบสวนดำเนินคดี ในข้อหามีและครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า จากการตรวจค้นทางราชการได้สืบทราบจาก ผบ.ม.3 -ผบ.ม.4 จึงขอค้นบ้านพล.ต.ขัตติยะ และบ้านลูกน้องของพล.ต.ขัตติยะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยงาน และทหารพระธรรมนูญ จึงพบของกลางดังกล่าว อกจากนี้ยังพบว่า จ.ส.อ.ณัฐสิทธิ์ เป็นคนขับรถของพล.ต.ขัตติยะ ตั้งเเต่ปี 2546 และยังพบเอ็ม 79 ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ระเบิดที่ ทบ. แต่จะขอสอบสวนก่อน หากพล.ต.ขัตติยะมีความเกี่ยวข้องก็จะออกหมายจับ ไม่ต้องรอออกหมายเรียก เพราะหลักฐานชัดเจน
ส่งทหารเข้าแจ้งความ
ขณะเดียวกันกองทัพบกได้มอบหมายให้นายทหารยศ พ.อ. มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานต่อ พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.นางเลิ้ง แล้วเช่นกัน โดยฝ่ายทหารย้ำว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก เป็นเพียงรอยกะเทาะบนฝ้าเพดาน ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หรือข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัย
ด้าน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทหารตำรวจคงไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ เป็นเรื่องที่ทางทหารต้องดำเนินการเอง แต่หากขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบก็ยินดี อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคอยดูแลพื้นที่บริเวณรอบนอกเป็นพิเศษเพราะเป็นหน้าที่ ส่วนการดูแลบ้านบุคคลสำคัญนั้นต้องดำเนินการอยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่
"เสธ.แดง"ย้ำไม่เอี่ยวยิง "อนุพงษ์"
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พล.ต.ขัตติยะให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบ้านพักว่า ขณะนี้อยู่ที่ จ.สงขลา แต่ทราบว่ามีทหาร ตำรวจมาล้อมบ้าน เพียงแต่ไม่ได้นำอาวุธมา การมาครั้งนี้ของตำรวจน่าจะมาเพื่อค้นบ้าน เนื่องจากคิดว่าตนเป็นคนยิงห้อง ผบ.ทบ. แต่ค้นไปก็เท่านั้น เพราะบ้านไม่มีอาวุธสงคราม อาจจะมีแค่ปืนลูกกรด และของที่ระลึก เนื่องจากเป็นทหารก็มีของที่ระลึกจากการไปฝึกอบรมทางทหาร แต่พวกเอ็ม 79 หรือ เอ็ม 16 จรวดคงไม่มีแน่นอน
เมื่อถามว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทำอะไร ต้องดูก่อนว่าเขาจะทำอะไรบ้าง เพราะไม่ผิดอะไร จะมาโทษไม่ได้ หากไม่มีหลักฐานก็ทำไม่ได้ ทำเหมือนผู้หญิงมาค้นบ้าน มาค้นบ้านทหารด้วยกันไม่อายหรือ จับอะไรก็ไม่ได้ บ้านมีแค่ลูกสาวเท่านั้น และพลทหารมาคอยเฝ้าบ้าน พล.อ.อนุพงษ์ก็มีลูกสาว มาทำอย่างนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ
"คนที่ทำอาจจะเป็นพวกที่ไม่ชอบ พล.อ.อนุพงษ์ หรืออาจจะเป็นพวกมือที่สามที่มาคอยป่วนเมืองหรือไม่ แล้วมาโทษผม และหากจะมาจับผมก็ทำได้แค่ออกหมายเรียกเท่านั้น แต่จะมาออกหมายจับไม่ได้ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด พล.อ.อนุพงษ์ไม่มีหลักฐานอะไร จะมาจับผม การทำแบบนี้ถือว่าไม่มีศักดิ์ศรี มาค้นบ้านทหารด้วยกัน เรื่องที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องเป็น เสธ.แดง อาจจะเป็นคนอื่นทำ ถ้า เสธ.แดงทำจริง เสธ.แดงเอาชีวิตเลยไม่ดีกว่ารึ แต่เราเป็นเพื่อนกัน ผมจะทำไปทำไม อย่างผมทำได้แค่พูดตามสโลแกน เสธ.แดงคิดได้ พูดได้ แต่ทำไม่ได้" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
อัดเป็นเรื่องที่อับอายของกองทัพ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พล.ต.ขัตติยะชี้แจงถึงเรื่องที่หลายฝ่ายพุ่งเป้าในการมีส่วนกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเหตุยิงระเบิดที่เกิดขึ้น เพราะวันเกิดเหตุที่ข่าวระบุว่าเป็นวันที่ 14 มกราคม เดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อไปปราศรัยบนเวทีของกลุ่มเสื้อแดง ดังนั้นไม่ควรนำเข้ามาเกี่ยวข้องกับการยิงครั้งนี้ และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ แต่อาจจะเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย ที่ต้องการมาล้างแค้น พล.อ.อนุพงษ์ เพราะเมื่อครั้งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ถูกลอบสังหารนั้น ลูกชายของนายสนธิเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่ม 3 ป. ทำให้ช่วงนั้นต้องออกมาปกป้อง พล.อ.ประวิตร หรืออาจจะเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ไม่พอใจการกระทำของ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ได้
"การที่กองทัพบกถูกคนร้ายยิงด้วยลูกระเบิดเอ็ม 79 นั้น ถือว่า เป็นความอับอายที่สุดของกองทัพบก เพราะตั้งแต่ตั้งกองทัพบกมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งมาถึง 122 ปี ไม่เคยถูกใครยิงมาก่อน การโดนยิงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการลาออกจากตำแหน่ง" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
เรียกร้อง "ป๊อก" รีบไขก๊อก
เมื่อถามว่า จะมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ไม่รู้ แต่เชื่อว่า มีแน่นอน เพราะเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง และในฐานะที่เป็นเพื่อนรักของ พล.อ.อนุพงษ์ ขอเตือนว่าให้นำภรรยาและลูกย้ายออกมาจากบ้านพักใน ซ.พุทธมณฑล 68 มาพักอยู่ที่บ้านพักภายใน กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เสียก่อน เพราะเกรงว่า จะไม่ได้รับความปลอดภัย
"ตอนนี้ พล.อ.อนุพงษ์ต้องลาออกจากตำแหน่งสถานเดียว เพราะผมเชื่อว่าทางกองกำลังไม่ทราบฝ่ายอาจจะมีการยิงถล่มจนกว่า พล.อ.อนุพงษ์จะลาออกจากตำแหน่ง หากไม่ลาออกก็จะยิงต่อไปเรื่อยๆ อยู่ได้ ก็เหมือนตายทั้งเป็น ดังนั้นขอเตือน และแนะนำว่า ให้รีบนำตาข่ายมาห่อตัวตึกกองบัญชาการกองทัพบกไว้ เพื่อป้องกันลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่จะถูกยิงเข้ามา" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
เสธ.แดงล่องหนกลัวโดนรวบ
ล่าสุดมีรายงานว่า เที่ยวบินที่ พล.ต.ขัตติยะเดินทางจาก จ.สงขลา จะมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 21.30 น. หลังจากผู้โดยสารออกจากเครื่องหมดแล้ว แต่ไม่พบตัว พล.ต.ต.ขัตติยะ และจากการสังเกตไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารเข้ามารอพบ พล.ต.ขัตติยะ แต่อย่างใด ท่ามกลางกระแสข่าวจะจับกุมหาก พล.ต.ต.ขัตติยะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสาเหตุที่พล.ต.ต.ขัตติยะไม่เดินทางกลับมาในครั้งนี้ เป็นเพราะ พล.ต.ท.สัณฐานให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจจะสอบสวนหาพยานหลักฐานให้แน่ชัดก่อน หากพบว่าพล.ต.ขัตติยะเกี่ยวข้องก็จะออกหมายจับ ไม่ต้องรอออกหมายเรียก
"มาร์ค"เชื่อหวังผลแค่สร้างข่าว
ส่วนความคิดเห็นของฝ่ายการเมืองในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น วันเดียวกัน ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สอบถามไปทาง ทบ.แล้ว เชื่อว่าเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นลักษณะที่จะสร้างข่าวมากกว่าหลังจากพิจารณาจากเวลา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่ได้มุ่งทำร้ายหรือเอาชีวิต ผบ.ทบ. หรือใคร อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุเกิดซึ่งจริงๆ มาพบทีหลัง ตอนที่เหตุเกิดไม่มีใครรู้เรื่อง พอมาพบทีหลังก็เป็นเรื่องที่จะต้องแจ้งความและดำเนินคดีกันไป เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการต่อไป ส่วนที่ถามว่าเป็นฝีมือของคนมีสีหรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่จะต้องสอบสวน แต่คิดว่าจริงๆ แล้ว กรณีที่เกิดขึ้น คงวิเคราะห์ได้ว่า สถานที่ยิงน่าจะมาจากที่ไหน อย่างไร
ส่วนจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทบ.จะดำเนินการ ในส่วนของทำเนียบรัฐบาลต้องดูแลเป็นพิเศษหรือไม่นั้น จริงๆ ก็ต้องทำให้ทุกฝ่ายตื่นตัว เพราะช่วงนี้มีความพยายามในการที่จะเคลื่อนไหวถี่ขึ้น เพื่อให้เกิดเป็นประเด็นมากขึ้น คนที่ก่อเหตุครั้งนี้ไม่ได้มุ่งการทำร้ายอะไร แต่ก็ไม่ควรประมาท ส่วนที่ถามว่า สงสัยใครหรือไม่ เพราะในข่าวนำเสนอว่าเป็นการเกิดขึ้นหลังจากที่ ผบ.ทบ.ลงนามในคำสั่งพักราชการ พล.ต.ขัตติยะนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะสอบสวน
ขณะที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่ดี เพราะต้องยอมรับว่ากองทัพบกถือได้ว่าเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงที่มีความแข็งแรงมากที่สุดในความรู้สึกของประชาชน ดังนั้นปัญหานี้ถือเป็นเรื่องท้าทายกองทัพบกค่อนข้างมากว่าท้ายสุดจะสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ขนาดไหน อย่างไร อีกทั้งยังเป็นการท้าทายหน่วยข่าวกรองของกองทัพบกด้วย จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ ขณะเดียวกันตำรวจก็ต้องไม่นิ่งนอนใจ ในฐานะที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นเรื่องลำบากในการคอยป้องกันคนที่จ้องกระทำ แต่เมื่อมีเหตุร้าย คิดว่าต้องพยายามเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
"สุริยะใส" จี้บิ๊กป๊อกแจงด้วยตัวเอง
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนอกจากจะท้าทายกองทัพแล้ว ยังเป็นภาพสะท้อนถึงความล้มเหลวของกองทัพไทยในยามวิกฤติของบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง กองทัพนอกจากจะไม่มีผลงานในการคลี่คลายความขัดแย้งแล้ว ดูแลตัวเองก็ยังเป็นเรื่องที่ลำบาก ปรากฏการณ์ยิงระเบิดใส่กองทัพบกครั้งนี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ยิงโดนห้อง ผบ.ทบ.หรือไม่ แต่ประเด็นสำคัญคือกองทัพปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร เจตนาของคนร้ายคงต้องการท้าทายอำนาจนำในกองทัพโดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ และนี่เป็นการส่งสัญญาณรบโดยตรงจากขบวนการไม่เอารัฐบาล ถึงผบ.ทบ. และฝ่ายความมั่นคงว่ากลุ่มอำนาจเถื่อนกลุ่มนี้พร้อมเปิดศึกหรือก่อความรุนแรงได้ตลอดเวลา และหยามฝ่ายความมั่นคงซ้ำซาก ซึ่งคนร้ายที่ลงมือต้องมีอำนาจพิเศษหนุนหลัง ปฏิบัติการครั้งนี้ เสธ.แดงอาจเป็นแค่ตัวลวงให้สังคมหลงประเด็น
"ผบ.ทบ.ควรออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่ให้โฆษกกองทัพบกออกมาชี้แจง เพราะส่งผลต่อความรู้สึกของประชาชน อย่าลืมว่าบทบาทของ ผบ.ทบ.เป็นหัวใจสำคัญของงานด้านความมั่นคง สถานการณ์แบบนี้น่าเป็นห่วง และอาจมีการลอบยิงสถานที่สำคัญๆ กว่านี้ได้ตลอดเวลา เป็นเรื่องที่น่าตลกมากที่คนในรัฐบาลมองเรื่องนี้เป็นเรื่องทั่วๆ ไป และแนะนำให้ผบ.ทบ.ไปแจ้งความต่อตำรวจ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าเวทนาที่สุดถ้ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงคิดได้แค่นี้" นายสุริยะใส กล่าว
เพื่อไทยเพ้อทหารสร้างปฏิวัติ
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปยังอาคารกองบัญชาการกองทัพบก ช่วงเช้ามืดวันที่ 15 มกราคม ว่าภายในกองบัญชาการกองทัพบกมีการรักษาความปลอดภัยในระดับสูง ดังนั้น โอกาสที่จะมีการยิงระเบิดอย่างถูกต้องแม่นยำจากถนนราชดำเนิน หรือแม้แต่ขนอาวุธเข้าไปในบริเวณใกล้เคียงจึงเป็นเรื่องยาก ขอตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อเป็นเชื้อให้แก่การปฏิวัติที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกกับองค์กรอิสระ ศาล หรือแม้แต่บ้านของบุคคลสำคัญก็ได้ จึงควรให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงจะดีกว่ามานั่งโทษฝ่ายตรงข้าม หรือควรจะกลับไปดูพวกตัวเองว่าใครที่เป็นคนทำ
"วันนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงค่อนข้างได้ผล จึงอาจจะทำให้บางฝ่ายที่จะต้องสูญเสียอำนาจออกมาใช้แผนการนี้เพื่อปูทางให้มีการปฏิวัติอีกรอบ จึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนจับตาอย่างใกล้ชิดรวมทั้งร่วมกันประณามคนที่ไม่หวังดีต่อชาติ ขอย้ำว่าการปฏิวัติเป็นการกระทำที่ล้าหลังและไม่สร้างสรรค์ การปฏิวัติครั้งล่าสุดผ่านมาถึงวันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรให้บ้านเมืองดีขึ้นเลย" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว