วันมูหะมัดนอร์ นัดโหวตนายกฯ 13 ก.ค. ยอมรับถ้ามีแต่สภาผู้แทนฯ คงไม่มีปัญหา

วันมูหะมัดนอร์ นัดโหวตนายกฯ 13 ก.ค. ยอมรับถ้ามีแต่สภาผู้แทนฯ คงไม่มีปัญหา

วันมูหะมัดนอร์ นัดโหวตนายกฯ 13 ก.ค. ยอมรับถ้ามีแต่สภาผู้แทนฯ คงไม่มีปัญหา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ เผยเมื่อวันพุธ (5 ก.ค.) ว่าตนหารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาแล้ว และได้ข้อสรุปร่วมกันให้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดี (13 ก.ค.)

การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรึครั้งนี้เป็นการโหวตร่วมกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎร 500 คน และวุฒิสภา 250 คน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าจะต้องได้เสียงกึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดของ 2 สภา เท่ากับว่าผู้ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต้องได้เสียงสนับสนุน 376 เสียงขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในอดีตเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น และไม่มีวุฒิสภามาเกี่ยวข้อง แต่รัฐธรรมนูญ 2560 บังคับให้ระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่มีสภาผู้แทนราษฎรชุดแรก ซึ่งก็คือตั้งแต่เดือน พ.ค. 2562 จนถึงปี 2567 จะต้องให้วุฒิสภามาร่วมโหวตด้วย

แม้ที่ผ่านมามีข้อกังวลว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอจากทั้ง 2 สภา โดยเฉพาะจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ทั้งหมดมาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ มองว่าก็มีโอกาสเช่นกันที่อาจโหวตผ่านในครั้งเดียว

ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวต่อไปว่า แต่ถ้าหากไม่ผ่านก็จะต้องพิจารณาในครั้งต่อไป และถ้านายพิธาไม่ได้ ก็ต้องหาคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีจนได้ เพราะประเทศไทยจำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีเพื่อไปบริหารประเทศ

นายวันมูหะมัดนอร์ มองว่า แม้ 8 พรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาลมีมติสนับสนุนพรรคอันดับ 1 ให้ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องของรัฐสภาเพราะมี ส.ว. เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าหากมีแต่สภาผู้แทนราษฎรคงไม่มีปัญหา เพราะรวบรวมเสียงได้ถึง 312 เสียง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรไปมากแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook