"เป้ย" เล่าเสียงสั่น "น้องปาลิน" เข้าผ่าตัด ทำใจลำบากต้องวางยาสลบให้ลูกเอง

พยายามเข้มแข็งอย่างเต็มที่ แต่ก็กลบความกลัวที่มีอยู่ลึกๆ ไม่มิดเลยจริงๆ สำหรับ เป้ย ปานวาด ที่ล่าสุดได้ออกมาอัปเดตกับสื่อมวลชนในงานบวงสรวง club friday the series moments&memories รักนี้...ไม่มีลืม ถึงอาการป่วยของลูกสาวคนเล็ก น้องปาลิน ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดในเร็วๆ นี้

โดย เป้ย ปานวาด ได้เผยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า "เป็นต่อมอะดินนอยด์และทอมซิลโตค่ะ จริงๆ จะต้องผ่าตัดอาทิตย์หน้านี้แหละ เพียงแต่ว่าปาลินเขาเหมือนแก้วหูจะแตกค่ะ เลยต้องรักษาไปก่อน และต้องเลื่อนผ่าเป็นวันที่สิบกว่า"

"คือมันเชื่อมต่อกันค่ะ มันเลยทำให้แก้วหูอักเสบมากๆ จนจะแตก จึงทำให้ยังผ่าไม่ได้ ต้องรักษาก่อน"

เราสังเกตอาการลูกยังไง ?
"คือเป้ยสังเกตว่าทำไมเขาหายใจแรง นั่งระบายสีก็หายใจแรง ก็เลยคุยกับผู้ใหญ่ทุกคน แต่ทุกคนก็บอกไม่มีอะไร แต่เราด้วยความที่พี่โปรดเขาเป็นมาก่อน สัญชาตญาณความเป็นแม่อะเนอะ พาไปตรวจดีกว่า ปรากฏว่าพบก้อนต่อมนี้โต 90 เปอร์เซ็นต์ น้องก็จะมีทางเดินหายใจเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น รักษาไม่ได้คือต้องผ่าอย่างเดียว ปกติก็จะมีการกินยา พ่นยา เป็นไปตามขั้นตอน แต่อันนี้หมอให้ผ่าเลยค่ะ มันโตมาก มันส่งผลต่อสมองด้วยค่ะ ส่งผลต่อการเจริญเติบโต แต่ว่าการผ่าเป็นอะไรที่มันโอเคนะคะ หลังจากที่โปรดเคยผ่ามาแล้ว เราก็รู้อยู่ว่าผ่าออกไปแล้วมันโอเค"

"แต่ด้วยความที่เราเคยเห็นพี่โปรดแล้ว มันเจ็บ สิ่งที่กลัวที่สุดที่ขั้นตอนการวางยา"

น้องปาลิน แสดงอาการอะไรอีกไหม ?
"คือจริงๆ ปกติมาก ปกติจนทุกคนไม่ได้สงสัยว่าเป็นอะไร แต่เราว่ามันไม่ใช่ มันไม่ได้ปกติ มันเป็นอย่างที่เราคิดแต่เราไม่ได้อยากให้เป็น"

"น้องสดใส น้องไม่รู้ค่ะ เราบอกน้องแค่ว่าคุณหมอจะเอาออกให้ และหลังจากนี้ปาลินจะเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก จากที่กินได้เยอะอยู่แล้ว ปาลินจะกินได้เยอะมากขึ้น (เสียงสั่น) และให้พี่โปรดเล่าค่ะ เขามีประสบการณ์มาก่อน พี่เขาก็บอกสบายมาก นอนไม่รู้เรื่องเลย ก็ไม่ได้กังวลอะไร และตัวเราก็ไม่ได้ทำความกังวลให้ลูกเห็น เราได้แต่คิดและกังวลในใจ"

สาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากกรรมพันธุ์หรือเปล่า ?
"ตอนแรกเป้ยก็คิด เพราะพี่โปรดก็เป็น แต่สืบเนื่องน่าจะเป็นจากภูมิแพ้มากกว่าค่ะ ก่อนผ่าตัดก็ต้องตรวจเลือดว่าน้องแพ้อะไร หลังจากนี้ก็จะต้องหลีกเลี่ยง"

เป้ย ปานวาด และสามี พา น้องปาลิน มาพบคุณหมอ

ถ้าผ่าตัดแล้ว จะมีโอกาสกลับมาเป็นอีกไหม ?
"ไม่น่านะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน โปรดใช้ชีวิตได้ปกติและแข็งแรงมาก กินดี แฮปปี้ค่ะ เพียงแต่ก่อนจะถึงขั้นตอนนั้นอะเนอะ"

"สำหรับเป้ย เป้ยก็งงใจตัวเอง อย่างถ้ามีเรื่องที่เกี่ยวกับลูก หรือใครจะมาทำร้ายลูก เราพร้อมที่จะเป็นแม่ที่แข็งแกร่งมากๆ แต่พอเรื่องความเจ็บความป่วยของลูก ทำไมอยู่ๆ เราอ่อนแอ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเราควรที่จะต้องเข้มแข็งมากที่สุด เพื่อจะได้ให้ลูกมีที่ยึดเหนี่ยว เราก็พยายามค่ะ"

"คือคุณป๊อบ (สามี) เขาก็แนวผู้ชายเนอะ ไม่ค่อยกังวล แต่เรานี่สิ คือมันมีเหตุการณ์ที่เราจะต้องวางยาสลบให้ลูกเอง เป็นคนกอดลูกไว้ที่เตียง และต้องเป็นคนให้ลูกดมยา ซึ่งอันนั้นแค่ของพี่โปรด ทุกวันนี้เราก็เจ็บปวดหัวใจมากๆ แล้ว แต่พอต้องกลับมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีก... (ถอนหายใจ)"

ทำไมเราถึงต้องเป็นคนให้ลูกดมยาสลบเอง ?
"เพราะว่าเด็กจะตกใจ ทุกคนคือคนแปลกหน้าสำหรับเขา ในห้องมีแต่ไฟใหญ่ๆ แล้วเขาต้องไปอยู่บนเตียง เขาจะไม่ยอม ไม่เชื่อ เราไม่อยากให้มีการมัด เขาเชื่อใจเราที่สุด เราก็ต้องเป็นคนวาง ซึ่งตรงนี้มันเป็นขั้นตอนการวางยาสลบ และเขายังเด็กมากค่ะ เราเลยค่อนข้างจะกังวล"

"เรารู้แหละว่าทีมแพทย์เก่ง แต่คนเป็นแม่อะเนอะ"

น้องจะกลับมาแข็งแรงได้ไวแค่ไหน ?
"แล้วแต่อาการของเด็กเลยค่ะ บางคนก็ 2 วัน หรือวันหนึ่ง ก็แล้วแต่ อย่างพี่โปรดคืออาทิตย์หนึ่งค่ะ"

"ก็ภาวนาให้ทุกอย่างดีขึ้น (เสียงสั่น) คือไม่รู้เป็นอะไรอะ อยากเป็นแทนได้ไหม ไม่อยากให้ลูกเจ็บ (น้ำตาคลอ)"