มอบตัวแล้ว! "ตำรวจพัทยา" เอี่ยวแก๊งเป้รักผู้การฯ รีด 140 ล้าน "บิ๊กโจ๊ก" บอกคดีนี้ไม่ซับซ้อน

มอบตัวแล้ว! "ตำรวจพัทยา" เอี่ยวแก๊งเป้รักผู้การฯ รีด 140 ล้าน "บิ๊กโจ๊ก" บอกคดีนี้ไม่ซับซ้อน

มอบตัวแล้ว! "ตำรวจพัทยา" เอี่ยวแก๊งเป้รักผู้การฯ รีด 140 ล้าน  "บิ๊กโจ๊ก" บอกคดีนี้ไม่ซับซ้อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"บิ๊กโจ๊ก" เผยตำรวจพัทยาเข้ามอบตัวแล้ว หลังศาลออกหมายจับเอี่ยวแก๊งอดีตผู้การชลบุรี รีดเงิน 140 ล้าน ยันตรงไปตรงมา คดีไม่ซับซ้อนเหมือนคดี "แอม ไซยาไนด์"

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าสำนวนคดีอดีตผู้การชลบุรีร่วมกับพวกรีดเงินผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาทว่า ทางคณะพนักงานสอบสวน ได้มีการทำสำนวนการสอบสวนโดยเริ่มเก็บรายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวจนเกือบทั้งหมดแล้ว เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวน สภ.คูคต ได้ขอศาลออกหมายจับ ผกก.สภ.เมืองพัทยา

โดยทางนายตำรวจดังกล่าวได้ให้ทนายพาเข้ามอบตัวกลางดึกกับพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งจากเดิมพนักงานสอบสวนเรียกมาสอบสวนในฐานะพยาน เพื่อต้องการหาข้อเท็จจริง แต่ก็ไม่ยอมมาจนสุดท้าย เมื่อเห็นความเชื่อมโยงแล้วว่าเป็นอย่างไรจึงมีการขอศาลออกหมายจับดังกล่าว ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินการออกหมายจับตำรวจแล้วกว่า 20 นาย และพลเรือนเกือบ 10 คน คาดว่าจากนี้ 2 สัปดาห์จะเก็บรวบรวมข้อมูลได้ทั้งหมด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ทั้งนี้จะนำข้อมูลการสืบสวนไปใส่ไว้ในสำนวนการสอบสวน ถือว่าคดีดังกล่าวไม่ซับซ้อนเท่าคดีแอม ไซยาไนด์ ที่เกิดตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา เรื่องนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการกำชับให้ดำเนินการอย่างไปตรงไปตรงมา กรณีดังกล่าวเป็นการขอออกหมายจับตำรวจจับตำรวจ และตำรวจที่ร่วมมือกับคนภายนอกกระทำความผิด

ยืนยันว่าไม่เป็นคู่ขัดแย้งหรือเป็นศัตรูกับใคร ใครก็สามารถวิจารณ์ได้หมด แต่ต้องทำให้เห็นว่าถ้าลูกน้องกระทำความผิด เราจะไม่ส่งเสริมและไม่ปกป้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในเรื่องการขอหมายจับต่อศาลโดยทำหลักฐานเท็จแล้วออกหมายจับไปหากิน หากไม่ทำความจริงให้ปรากฎต่อไปตำรวจอีกกว่า 2 แสนกว่าคนที่อยากทำงานจะขอหมายศาลยาก

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเดิมที่จับกุมผู้เสียหายเพื่อรีดเงินนั้น โดยนิสัยตนไม่ชอนไชหรือจับผิดลูกน้องทุกเรื่องมันมีเหตุทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ตม. จากกรณีตู้ห่าว ทุกอย่างมีเหตุมีตัวผู้เสียหาย เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ทุกอย่างมีเหตุมาก่อน แต่กรณีนี้ผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหาจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์มาก่อน หน้าที่ตำรวจต้องจับไม่ใช่ไปต่อรองแล้วเรียกรับเอาเงินเขา เพราะฉะนั้นตำรวจมีเส้นแบ่งบางๆ หากเลยจากเส้นแบ่งบางๆ ก็กลายเป็นโจร เมื่อไหร่เป็นโจรก็ต้องจับกัน

ส่วนการที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ดำเนินคดีผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กับตนเองนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นการตรวจสอบ ยิ่งดีที่มีคนมาตรวจสอบแสดงให้เห็นว่าตนเองทำงานเป็นมืออาชีพมากแค่ไหน ซึ่งทางตำรวจดำเนินการร่วมกับทางอัยการมาเข้าร่วม ยืนยันว่าไม่มีทางบิดพริ้วข้อเท็จจริงได้เลย โดยมีการหารือร่วมกับอธิบดีอัยการมาแล้ว 2 ครั้งรวมถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่โดยหลักทางตำรวจต้องทำอย่างโปร่งใส ทุกคนตรวจสอบได้หมดไม่ใช่แค่เพียงนายอัจฉริยะ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook