ภูมิใจไทย เชื่อ ปชป.เปิดทางพรรคร่วมแก้ รธน.2มาตรา

ภูมิใจไทยเชื่อปชป.เปิดทางพรรคร่วมแก้ รธน. 2 มาตรา ชี้ "สุเทพ" ไม่มีทางเลี่ยงกระแสพรรคร่วม จำยอมตามข้อตกลงร่วมรัฐบาล เล็งตั้งรัฐบาลร่วมกันสมัยหน้า

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาล ว่า เป็นเรื่องของนายบัญญัติเพียงคนเดียว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเห็นด้วยหรือไม่ ต้องรอฟังการประชุมพรรคในระหว่าง 23 - 24 ม.ค. นี้ จะไปคิดแทนมติพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้พรรคร่วมลงชื่อไม่น้อยกว่า 95 คนเพื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนเสียงจะเกินในการโหวตวาระที่สามซึ่งต้องมากกว่ากึ่งหนึ่ง คือ 316 เสียงหรือไม่ต้องดูเมื่อถึงเวลา เพราะอาจจะมี ส.ส.และ ส.ว. มาร่วมสนับสนุนเพิ่มอีก 200 กว่าเสียงก็เป็นไปได้ใครจะไปรู้ และเมื่อนำไปรวมกับเสียงของพรรคร่วมเดิมที่เสนอญัตติไม่น้อย 95 เสียงอาจทำให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้

ด้านนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ กล่าวอีกว่า หากถึงเวลาโหวตรับหลักการในวาระที่หนึ่ง เสียงไม่พอให้โหวตรับหลักการ พรรคร่วมรัฐบาลก็ยอมรับ เนื่องจากสมาชิกทั้งหมดไม่เห็นด้วย ซึ่งเราถือว่าได้ทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว

ขณะที่รายงานข่าวจากคนใกล้ชิดนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย แจ้งว่า เชื่อว่าการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่

.ส.ขอนแก่น ในฐานะประธานกรรมการประสานงาน ส.ส. (วิป) พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า นายบัญญัติ ไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องของท่าน แต่เป้าหมายของพรรคร่วมคือการรวบรวมเสียง ส.ส. 1 ใน 5 หรือจำนวนไม่น้อยกว่า 95 คน เพื่อขอเสนอญัตติการแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ ซึ่งเรามันใจว่าทำได้และสามารถจะนำเสนอญัตติต่อรัฐสภา ภายใน 30 วันนี้ ส่วนขั้นตอนต่อไปจะไปพิจารณาในขั้นรับหลักการในวาระ1 ที่ต้องใช้เสียงเห็นด้วยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือประมาณ 315 เสียง ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะต้องไปหาเสียงสนับสนุน ซึ่งอาจหมายรวมการไปขอการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยก็เป็นได้ หากมีแนวทางเห็นด้วยในการแก้รัฐธรรมนูญ23 - 24 ม.ค.นี้จะได้ข้อสรุปสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญ 2 มาตราตามข้อเสนอพรรคร่วมรัฐบาล คือมาตรา 190 และระบบเลือกตั้งที่จะกลับไปใช้เขตเดียวเบอร์เดียว เนื่องจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อตกลงการร่วมรัฐบาล หลังจากที่ก่อนหน้านี้บ่ายเบี่ยงมาหลายครั้ง อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็ทราบดีว่า หากอนาคตต้องการเป็นรัฐบาลอีกสมัยหน้า จำเป็นจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องการการแบ่งเขตเลือกตั้ง เพราะจะสามารถทำให้พรรคร่วมรัฐบาลขนาดกลาง สามารถสอดแทรกพรรคเพื่อไทยในภาคกลางและอีสานได้ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์อาจจะเสีย ส.ส.ไปประมาณ 10 กว่าที่นั่งเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังคุ้มที่สามารถมาจับมือการร่วมรัฐบาลได้อีกครั้ง