"มัลลิกา" เอาจริง ลงชิงหัวหน้า ปชป. มุ่งปฏิรูปพรรค "จุรินทร์" หวังคนใหม่นำพรรคก้าวหน้า
ประชาธิปัตย์ จัดประชุมใหญ่เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ "มัลลิกา" เอาจริงลงชิงเก้าอี้หวังปฏิรูปพรรค ด้าน "จุรินทร์" หวังคนใหม่นำพรรคก้าวหน้าต่อไป ขณะ "มาดามแป้ง" พาคุณพ่อร่วมโหวตด้วย สื่อคาด "อภิสิทธิ์-นราพัฒน์" เข้าชิงด้วย มอง "สุชัชวีร์" อาจเป็นม้ามืด
พรรคประชาธิปัตย์ จัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ตามข้อบังคับพรรคการเมือง หลังจากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค ซึ่งแกนนำพรรคคนอื่นที่เริ่มทยอยมาแล้ว ได้มีนายชวน หลีกภัย นายนิพนธ์ บุญญามณี นายชัยชนะ เดชเดโช นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล
โดยเวลา 08.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค เดินทางมาถึง มีสมาชิกพรรคมารอต้อนรับ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า วันนี้จะถูกเสนอชื่อและเป็นม้ามืดในการเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธ แต่กล่าวสั้นๆ ว่าเคยพูดไปแล้ว ขอให้รอในที่ประชุมอย่างเดียว ส่วนจะได้รับเสียงสนับสนุนในที่ประชุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมพูดไปหมดแล้ว รอในที่ประชุม” ส่วนการกลับมาครั้งนี้จะมากู้วิกฤติพรรค และรีแบรนด์พรรคใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมจะพูดในที่ประชุม”
ด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ของพรรค ยืนยันว่าวันนี้จะไม่ลงสมัครในตำแหน่งหัวหน้าพรรคอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ จะมีมามืดเข้าชิงมองว่า เป็นใคร นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะมีหลายคนเข้าชิง และอาจจะมีผู้สมัครเพิ่มเติมก็ได้ ส่วนคุณสมบัติแบบไหนที่เหมาะจะเป็นหัวหน้าพรรคนั้น นายสุชัชวี ย้ำว่า ต้องเป็นผู้นำ นำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคิดเรื่องนี้
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ต้องรอผลการเลือกตั้งก่อน แต่ประชาธิปัตย์มีภารกิจสำคัญในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมือง ที่จะต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อรับใช้ประชาชน และจะต้องทำหน้าที่เป็นสถาบันการเมืองหลัก ในการขับเคลื่อนระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่า แคนดิเดตหัวหน้าพรรคมีใครบ้าง ซึ่งคนที่มาเป็นหัวหน้าพรรคจะต้องสมัครใจ ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ และที่ประชุมจะเป็นคนเลือก โดยจะต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ดูเหมือนธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา หากนำมาประกอบกันก็จะเป็นหัวหน้าพรรคได้
นายจุรินทร์ ยังกล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคแต่ละคนจะต้องพูด 7 นาที ถือเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินเลือกหัวหน้าพรรค และถือเป็นเรื่องปกติ
ทางด้าน นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุมประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ว่า ถือเป็นปรากฏการณ์ที่จะทำให้เห็นว่าเสรีภาพประชาธิปไตยที่แท้จริงอยู่ที่ ปชป. และเราเป็นหนึ่งคนที่จะได้แสดงศักยภาพให้ได้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปไตยถือเป็นพรรคการเมืองที่มีรากเง้าและดำรงไว้ ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ดังนั้น จึงต้องการความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนที่จะลงสมัคร และที่ผ่านมาพรรคได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงเจตจำนง ซึ่งตนก็ตัดสินใจอยู่นานมาก และเมื่อพรรคต้องการบุคลากรที่หลากหลาย ตนจึงลงสมัคร เพื่อต้องการทำเรื่องปฏิรูป เพราะเป้าหมายที่สูงที่สุดจะต้องมีการปฏิรูปพรรคอย่างจริงจัง ตอนที่มีการเปิดตัวตั้งแต่ต้นไปออกรายการต่างๆ เราตั้งใจอยู่แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์จะต้องทันสมัย จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงก็จะต้องทำการปฏิรูปพรรคอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นการปฏิรูปพรรคอย่างจริงจัง ก็จะต้องการคนที่มีความเข้มแข็งทั้งจิตใจและภาวะต่างๆ ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นใหม่จะได้มีการนำพาพรรคก้าวผ่านสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงให้ได้ และที่สำคัญการเป็นผู้นำจะต้องมีความเข้มแข็งทั้งจิตใจและการวางโครงสร้างและความร่วมมือต่างๆ ดังนั้น เชื่อมั่นว่า การที่เรามีเจตจำนงค์ในการทำงาน มั่นใจว่าคนที่เป็นแฟนคลับของพรรคจะได้มีความมั่นอกมั่นใจ รวมถึงมีกำลังใจต่อสู้
นางมัลลิกา ย้ำว่า จะไม่มีการถอนตัว และอยากสร้างปรากฏการณ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีพระแม่ธรณีบีบมวยผม ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะมีผู้หญิงสัก1คน ไม่เพียงแต่การส่งชื่อไปในช่องทางต่างๆ แต่เราจะเอาจริงและจริงจังกับเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่าไม่ได้ปรึกษาหารือกับใครเฉพาะเจาะจง เนื่องจากการปรึกษาหรือไม่ปรึกษาพรรคก็ไม่จำกัดเสรีภาพอยู่แล้ว ตนมีคุณสมบัติครบ ที่สำคัญคือ อยู่ พรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2550กว่าๆ ทำงานให้พรรคมาโดยตลอด มั่นใจว่าศักยภาพของตนและทีมสามารถพลิกฟื้นประชาธิปัตย์ได้
นางมัลลิกา ยังกล่าวอีกว่า ตนมีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้วว่า เราจะเป็นผู้หญิงคนเดียว ถ้าไม่มีการเสนอชื่อผู้หญิงคนอื่น และเรามีแผนปฏิรูปพรรคอย่างชัดเจนในการพาพรรคผ่านไปได้ และมั่นใจว่าสมาชิกพรรคจะเห็นจุดที่ต่างออกไป ไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะเรื่องการนำพาพรรคไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้อย่างไรในอนาคต และเชื่อมประสานคนทุกรุ่นได้ จึงมั่นใจว่าเป็นแนวทางที่แปลกและแตกต่าง
พร้อมย้ำอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังคงอุดมการณ์เช่นเดิม แต่สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือเรื่องของยุคสมัยและเครื่องมือที่ใช้ การเข้าถึงประชาชนที่จะต้องเข้าหาประชาชนมากกว่าให้ประชาชนเข้าหา