ฮือฮา! เมียตายชีวิตหมดความหมาย ชายหอบเงินเก็บ 3 ล้าน แจกคนแปลกหน้าริมถนน
หนึ่งปีหลังจากภรรยาเสียชีวิต ชายสูงอายุในจีนยังคงโศกเศร้า รู้สึกว่าชีวิตของเขาหมดความหมาย นำเงินเก็บจำนวน 600,000 หยวน (ประมาณ 3 ล้านบาท) ไปที่ถนนเพื่อแจกจ่ายให้กับคนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปมา
ชะตากรรมของชายแซ่หวัง วัย 67 ปีผู้นี้ ทำให้ผู้คนนับล้านบนโซเชียลมีเดียสะเทือนใจ หลังจากมีคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา บอกเล่าเรื่องราวของเขาที่จู่ๆ ก็หอบถุงใหญ่ 2 ใบที่เต็มไปด้วยเงินสด ออกมาที่ริมถนนในเมืองฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ก่อนหยิบธนบัตรใบละ 100 หยวน (ประมาณ 500 บาท) จากในถุง แจกจ่ายให้กับผู้คนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เงินไม่ได้มีความหมายอะไรอีกต่อไป” นายหวังพูดพร้อมกับโยนเงินทิ้ง อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีผู้คนหลายสิบคนอยู่รายล้อมชายชรา แต่ทุกคนก็ตัดสินใจนำเงินมายื่นคืนเงินให้ชายชรา และบอกให้เขาเก็บมันเอาไว้ใช้จ่ายเพื่อดูแลตัวเอง พร้อมทั้งเรียกตำรวจให้ช่วยตามหาครอบครัวของชายชราด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงอย่างรวดเร็ว และรีบพานายหวังไปยังสถานีตำรวจใกล้เคียง ก่อนทราบว่าเขานำเงินมาแจกจ่ายเพราะเสียใจมากๆ และยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของภรรยาเมื่อปีที่แล้ว โดยบอกว่าทุกอย่างตอนนี้กลายเป็นเรื่องไร้ความหมาย เมื่อภรรยาของเขาจากไป ส่วนเงินทั้งหมดที่เขาโยนทิ้งนั้น ถูกเก็บรวบรวมโดยตำรวจและผู้สัญจรไปมา เพื่อนำส่งคืนให้กับชายชรารายนี้
ในขณะเดียวกัน ลูกสาวของนายหวังได้มารับเขาจากสถานีตำรวจแล้ว โดยบอกว่าพ่อของเธอปฏิเสธที่จะย้ายไปอยู่กับเธอ และยังคงอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่เคยอยู่กับภรรยามานานหลายสิบปี เพื่อที่เขาจะได้อยู่กับความทรงจำที่มีเธออยู่ด้วยเสมอ ทั้งนี้ ลูกสาวยังบอกด้วยว่าเธอจะดูแลพ่อให้ดีกว่านี้ และจะย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของพ่อ หากพ่อยืนกรานที่จะอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ลง Douyin ซึ่งเป็น TikTok เวอร์ชันจีน มีผู้รับชมมากกว่า 5 ล้านครั้ง ชาวเน็ตหลายคนต่างรู้สึกสะเทือนใจตามไปด้วย เมื่อได้รู้ถึงความรักอันลึกซึ้งของนายหวังที่มีต่อภรรยา รวมทั้งความซื่อสัตย์ของผู้ที่ช่วยกันรวบรวมเงินมาคืน
“สิ่งนี้อบอุ่นใจ ทำให้ฉันเชื่อในความรักอีกครั้ง”
“เงินไม่มีค่าเมื่อเทียบกับชีวิต”
“ผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่มีใครรับเงินของชายชรา ใครๆ ก็เคยผ่านช่วงอารมณ์อ่อนไหว ถ้ามีคนเอาเงินของชายชราไป สุดท้ายมันจะทำให้เขาหดหู่มากกว่าเดิม”