ย้อนคลิปเด็ด ที่วันนอร์-สว.สมชาย ค้านวิโรจน์เปิดในสภาฯ พบมีคำพูดมัดตัว

ประเด็นหนึ่งจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 เมื่อวันพุธ (19 ก.ค.) ที่หลายคนพูดถึง คือ การที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งปิดคลิปที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคก้าวไกลนำมาเปิด

คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ตัดมาจากการถ่ายทอดสดการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขมาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจ สว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าหากพรรคการเมืองรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งถึงราว 300 เสียง สว. ก็จะออกเสียงให้อยู่แล้ว

"ความเห็นผมเนี่ย คิดว่า ไม่จำเป็นต้องมาปิดสวิตช์ หรือมาแก้มาตรานี้เลยครับ ท่านไปรวมกันเลยครับ ผมยังอยากเห็นท่านอยู่ครบเทอมอีก 2 ปีข้างหน้า เลือกตั้งครั้งหน้าท่านไปรวมกันให้ได้สัก 270-300 เสียง สว. ก็ไม่มีปัญญาไปทำอะไรหรอกครับในการโหวตค้านที่สภาแห่งนี้เห็นว่าผู้นั้นอยู่ในบัญชีรายชื่อและเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี เชื่อผมเถอะครับว่าไม่มีทาง" นายสมชาย พูด

ความเห็นดังกล่าวเมื่อปี 2564 ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 ที่แม้พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 รวบรวมเสียงได้มากกว่า 300 เสียงในการตั้งรัฐบาล แต่นายสมชายและ สว. จำนวนหนึ่งไม่เห็นชอบ และบางส่วนยังเลือกลงมติคัดค้านด้วยการงดออกเสียง จนถูกวิจารณ์จากสังคมวงกว้าง

นายวิโรจน์นำประเด็นนี้ขึ้นมาอภิปรายเมื่อวันพุธ (19 ก.ค.) ซึ่งเป็นวันที่กำหนดให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 และได้รับอนุญาตจากนายวันมูหะมัดนอร์ให้เปิดแล้ว แต่กลับถูกนายสมชายคัดค้าน และกล่าวว่าจะขอถอนคำพูดที่พูดเมื่อ 2 ปีก่อน ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ก็ยอมรับว่าให้อนุญาตจริงแต่ตนไม่ได้ดูก่อน จึงต้องปิดคลิปกลางคัน

ด้านนายสมชายเรียกร้องให้ "ถอน" คลิปดังกล่าว เพราะมองว่าสถานการณ์ที่ตนพูดเมื่อ 2 ปีก่อนนั้นแตกต่างออกไป ทั้งยังวิจารณ์นายวิโรจน์ว่าไม่ควรนำมา "ตีกิน" อีกด้วย

ประเด็นนี้ทำให้ผู้ใช้เว็บไซต์ทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งวิจารณ์การตัดสินใจดังกล่าวของนายวันมูหะมัดนอร์ด้วย ว่าเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ไม่รวมกับประเด็นอื่น เช่น ควบคุมการประชุมไม่อยู่ และการตัดสินใจที่ช้าไม่ทันคนหนุ่มที่มีจำนวนมากขึ้นในสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้เมื่อเทียบกับชุดก่อนหน้า