นายกฯ ระบุ การข่มขู่คุกคามไม่ใช่ประชาธิปไตย
นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ จากดาวอส ยันทุกคนสามารถเคลื่อนไหวได้ตามกรอบกฎหมาย แต่ต้องไม่แสดงอาการข่มขู่คุกคามผู้ใด ชี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย ย้ำเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่าหวั่นไหว หากมีอันตรายรัฐบาลพร้อมดูแล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมการประชุมประจำปี ของ World Economic Forum (WEF) ครั้งที่ 40 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 29 - 31 มกราคม ได้กล่าวผ่านรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ ว่า ส่วนตัวยืนยันมาตลอดว่า การเคลื่อนไหวเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ มีคนบางกลุ่มพูดถึงความรุนแรง มีลักษณะข่มขู่ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้เราไม่ควรยอมรับและเจ้าหน้าที่คงต้องดูว่าเข้าข่ายคุก คามใครหรือไม่ เพราะถือว่าไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว
"ไม่มีนักประชาธิปไตยที่ไหนใช้วิธีการข่มขู่คุกคาม เอาความรุนแรงมากดดันบีบคั้น ที่สำคัญมีการพาดพิงถึงผู้พิพากษาองค์กรต่างๆ ดังนั้น ทุกคนที่มีหน้าที่คงต้องมีความหนักแน่น หากบ้านเมืองของเราปล่อยให้มีคนมาข่มขู่คุกคาม เพื่อต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง วันข้างหน้าบ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากท่านใดตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่าอันตราย อยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลอารักขา ทางรัฐบาลก็ยินดีสนับสนุน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า ในเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นห่วงมากเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะจะมีการพิจารณาคดีสำคัญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เคยบอกแล้วว่าในช่วง 2 เดือนแรกนี้ คงจะหนัก แต่รัฐบาลก็มีหน้าที่ดูแลให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย และยืนยันในแนวทางเดิม คือ เคารพสิทธิเสรีภาพของทุกฝ่าย แต่ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย
ยืนยันความเห็นต่างในเรื่องแก้ไข รธน.ไม่เป็นอุปสรรคต่องาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวผ่านรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ระหว่างร่วมการประชุม "world economic forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถึงความเห็นต่างในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ก่อนตั้งรัฐบาลมีการพูดคุยกันชัดเจนระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลว่าประเด็นที่ทำ ให้เกิดความขัดแย้งไม่ควรทำ โดยเฉพาะประเด็นการแบ่งเขตเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 94 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันการเลือกตั้งเขตใหญ่ดีกว่า ส่วนกรณีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลออกจดหมายเปิดผนึกขู่ฟรีโหวต นายกรัฐมนตรีมองว่า เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะเชื่อว่าการตัดสินใจของพรรคเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม