วิโรจน์ เชื่อคนสกัดก้าวไกลกลัวโกงต่อไม่ได้ ม.112 แค่ข้ออ้าง

วิโรจน์ เชื่อคนสกัดก้าวไกลกลัวโกงต่อไม่ได้ ม.112 แค่ข้ออ้าง

วิโรจน์ เชื่อคนสกัดก้าวไกลกลัวโกงต่อไม่ได้ ม.112 แค่ข้ออ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) ว่าคนหรือกลุ่มคนที่ต้องการสกัดพรรคก้าวไกลกลัวว่าถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะโกงต่อไม่ได้ โดยยกการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาเป็นข้ออ้างเท่านั้น

"ประเด็นเรื่องการแก้ไข ม.112 น่าจะเป็นเพียงข้ออ้าง อย่างที่หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานไว้จริงๆ" นายวิโรจน์ โพสต์

"แนวความคิดของพรรคก้าวไกล จะทำให้โกงไม่ได้ ทุจริตไม่ได้ คอร์รัปชั่นไม่ได้ ฮั้วประมูลไม่ได้ อันนี้ผมจะไม่เถียงเลยสักคำ"

8 แนวทางบริหารประเทศทุบคนโกง

นายวิโรจน์อธิบายว่า แนวคิดการจัดงบประมาณแผ่นดินและการบริหารประเทศจะทำให้คนเหล่านั้นทุจริตได้ยากหรือไม่ได้เลย โดยจัดกลุ่มได้เป็น 8 ประเด็น

  1. การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเอาจริงเอาจัง
  2. การเปิดเผยข้อมูลการบริหารราชการอย่างโปร่งใส การใช้จ่ายงบประมาณต้องมีประสิทธิภาพ
  3. การจัดการกับปัญหาทุนผูกขาด ให้ประชาชนมีโอกาสลืมตาอ้าปาก ประกอบกิจการตามความฝันของตน
  4. การจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม ไม่ยอมให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนเครือข่ายอุปถัมภ์ กินรวบทรัพยากรของประเทศ ยึดกุมสัมปทานที่เอารัดเอาเปรียบ มัดมือชกรีดนาทาเร้นประชาชน อย่างไม่เป็นธรรม
  5. การกระจายอำนาจ กระจายการลงทุนไปสู่ท้องถิ่น ไม่กระจุกความเจริญไว้ที่ส่วนกลาง
  6. การปรับปรุงสวัสดิการ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมกันในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
  7. การลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้า พร้อมที่จะแข่งขัน และร่วมมือกับนานาอารยประเทศ
  8. การปกป้องคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชน ในฐานะที่ประชาชนเป็นเจ้าของอธิปไตย และกองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ไม่มีการทำรัฐประหารอีกต่อไป

2 แนวคิดขับเคี่ยว: ผลประโยชน์พวกพ้อง vs ผลประโยชน์ประชาชน

สส. พรรคก้าวไกลรายนี้ สรุปท้ายโพสต์ดังกล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ที่จริงแล้วเป็นการปะทะกันของ 2 แนวคิด ระหว่างแนวคิดในการเป็นรัฐบาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และ การเป็นรัฐบาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

"จริงๆ แล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ อาจจะเป็นการปะทะกันระหว่างวลี 2 วลี อยู่ก็ได้นะครับ

วลีแรก 'กูไล่มึงออก มึงไม่ออกกูจะแดกยังไง' กับวลีที่สอง 'กูไม่ออก ออกแล้วประชาชนจะเอาอะไรแดก' ซึ่งประชาชนคงต้องติดตามต่อไปว่าในท้ายที่สุดแล้ว วลี 2 วลีนี้ วลีไหนจะเป็นฝ่ายชนะ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook