หมอไม่เห็นด้วย ครม.ประกาศวันหยุดกะทันหัน 31 ก.ค.66 ทำ รพ.ป่วน กระทบชีวิตคนไข้

หมอไม่เห็นด้วย ครม.ประกาศวันหยุดกะทันหัน 31 ก.ค.66 ทำ รพ.ป่วน กระทบชีวิตคนไข้

หมอไม่เห็นด้วย ครม.ประกาศวันหยุดกะทันหัน 31 ก.ค.66 ทำ รพ.ป่วน กระทบชีวิตคนไข้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอโพสต์ฉะ ครม.ประกาศวันหยุดเพิ่มกะทันหัน 31 ก.ค.66 ทำ รพ.ป่วนทั่วประเทศ กระทบชีวิตคนไข้ 

จากรณี มติ ครม.กำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษประจำปี 2566 (เพิ่มเติม) วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ทำให้หน่วยงานข้าราชการมีวันหยุดยาวต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.- 2 ส.ค. รวม 6 วัน

(25 ก.ค.66) เพจเฟซบุ๊กชื่อ หมอหนุ่มได้โพสต์ข้อความในอีกมุมมองของผู้ที่ได้รับผลกระทบ ระบุว่า

"ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการประกาศวันหยุดเพียง 6 วันก่อนที่จะถึงวันนั้น มันมีราคาที่ต้องจ่ายกับสิ่งนี้มากมายนะครับ

ราคาที่ว่าไม่ใช่ราคาตัวเงิน แต่มันเป็นราคาของชีวิตคนไข้ และราคาของชีวิตคนทำงานครับ

1.ผมมีนัดคนไข้ผ่าตัดไว้เรียบร้อยแล้วในวันที่ 31 และคนไข้เหล่านี้คือคนไข้มะเร็งที่ผมนัดผ่าตัดมาเดือนกว่า และตอนนี้คิวผ่าตัดมะเร็งผมอยู่ที่เดือนกว่าๆ นั่นหมายความว่าถ้าวันจันทร์นี้ผมผ่าตัดไม่ได้ ผมก็ต้องเลื่อนการผ่าตัดไปอีกเดือนกว่า เพราะผมไม่สามารถเอาคนไข้คนนี้ไปแทรกคนไข้คนอื่นที่นัดผ่าตัดไว้แล้วได้ มันส่งผลเสียต่อคนไข้และระบบการนัดคนไข้อย่างมากนะครับ

ไม่รวมคนไข้โรคธรรมดาที่วันนั้นผมก็นัดผ่าตัดเช่นกันซึ่งก็นัดไว้ตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว เพราะคิวผมอยู่ที่ 3 เดือนโดยประมาณดังนั้นถ้าวันจันทร์นี้ผ่าตัดไม่ได้ ผมก็ต้องเลื่อนเขาออกไปอีก 3 เดือนนั่นคือเขาจะได้ผ่าตัดอีกทีเดือนตุลาคม.เพราะจากนี้ถึงตุลาคม ผมก็มีคนไข้อยู่เต็มตารางอยู่แล้ว

คุณไม่คิดถึงผลกระทบกันเลยครับคิดจะหยุดก็หยุดแล้วมันจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือเปล่า

2. คราวนี้ความลำบากก็จะอยู่ที่ห้องฉุกเฉินแน่นอนครับเพราะแค่วันธรรมดานอกเวลาราชการก็จะมีคนไข้ที่ไม่ฉุกเฉิน แต่มาฉุกเฉินมากพออยู่แล้วคราวนี้มันก็จะมีคนไข้ที่ยาหมดที่วันนัดวันนั้นพอดีคนไข้ที่นัดไว้วันนั้น แต่ติดต่อเลื่อนนัดไม่ได้และก็มาโรงพยาบาลวันนั้นแล้ว เขาก็ต้องหาทางเพื่อจะได้รับการรักษาและห้องฉุกเฉินก็คือช่องทางนั้นครับ เว้นเสียแต่โรงพยาบาลสร้างช่องทางเพิ่มเพื่อ "วิกฤต" ในครั้งนี้ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่อีกเช่นกัน เพราะเจ้าหน้าที่ก็คนหนึ่งคนเหมือนกันเขาก็วางแผนชีวิตของเขาไว้เช่นกัน

3. ตอนนี้ผมเชื่อว่าคนที่หัวหมุนมากที่สุดคือคนที่โทรประสานงานเพื่อเลื่อนนัดคนไข้ครับมันไม่ใช่คนไข้จำนวนน้อยๆ นะครับ มันเป็นคนไข้นัดหลายร้อยคนในหนึ่งโรงพยาบาลและโรงพยาบาลในประเทศไทยก็มีเป็นพันโรงพยาบาลมันส่งผลกระทบมากมายอย่างไม่น่าเชื่อเลยละครับ

4. คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือคนไข้ครับคนไข้ที่ต้องถูกเลื่อนผ่าตัดก็ต้องได้รับการรักษาที่ช้ากว่าเดินคนไข้ที่อยู่ในบ้านอยู่ในชนบทห่างไกลเมืองบางครั้งก็ติดต่อเขาไม่ได้ และเขาก็ต้องเหมารถมาเป็นเงินหลายพันบาทเพื่อมาพบว่า... เขาไม่สามารถได้รับการตรวจกับหมอ เพราะวันนั้นเป็นวันหยุด คนไข้กลุ่มนี้มีอยู่จริงนะครับแม้คุณจะบอกว่าเทคโนโลยีการสื่อสาร และข่าวคราวตามสื่อก็ออกข่าวเรื่องนี้มากมายแต่เขาก็ไม่รู้เรื่องนี้ครับและก็จะมาโรงพยาบาลตามนัดหมายอยู่ดี

อย่าคิดแต่จะสั่งให้หยุดก็หยุดครับ มันมีราคาที่ต้องจ่ายอีกมากมายครับ อาจจะมากมายกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของคุณอีกคิดได้ไง!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook