จตุพร แรง! ชี้ทักษิณหูเบา-ปากไว กำลังถูกต้ม ชี้เพื่อไทยข้ามขั้ววันไหน คนเต็มถนนวันนั้น

วันนี้(28 ก.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน พร้อมด้วย รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มาร่วมพูดคุยในรายการโหนกระแส วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง หลังมีข่าวการประกาศกลับบ้าน ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายจตุพรบอกว่า คุณทักษิณประกาศจะกลับบ้านมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ไม่กลับสักที ตนมองว่าครั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าคุณทักษิณถูกอำนาจเก่าหลอกอีกครั้ง เสนอดีลว่าจะให้กลับบ้าน ถ้าใครที่อยู่ใกล้ชิดคุณทักษิณมานาน จะรู้ว่าท่านเป็นคนหูเบา ปากไว เชื่อคนที่พูดความเท็จมากกว่าข้อเท็จจริง

ในวันที่เพื่อไทยชนะอย่างเบ็ดเสร็จ ท่านยังกลับมาไม่ได้ แล้ววันนี้การเมืองยังไม่ชนะเบ็ดเสร็จ ความรักของประชาชนก็เริ่มสูญหาย คนที่เกลียดชังท่านก็ยังคงที่ แล้วท่านบอกว่าจะกลับมา มันไม่สมเหตุสมผล เพราะฉะนั้นการเดินเกมนี้ของท่านทักษิณ ทำไปเพื่อจะเดินเข้าไปกุมอำนาจรัฐเท่านั้นเอง แต่มันต้องแลกมาด้วยความน่าเชื่อถือ

การเจรจา การดีล มันมีมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เป็นกติกาที่พรรคเพื่อไทยถนัดที่สุด เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรก็จัดให้ วันที่มีการโหวตกติกาบัตร 2 ใบในสภา คนไม่ครบองค์ประชุม ไปย้อนดูได้ว่าว่ามี สส.ตาม พล.อ.ประวิตรไปสระบุรีกี่คน มันเป็นการอำนวยการสร้างให้ประโยชน์กับเพื่อไทย ทั้งที่กติกาบัตรใบเดียว คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือฝั่งขั้วตรงข้ามแท้ๆ

นายจตุพรมองว่า คุณทักษิณกำลังถูก "ต้มตามความอยาก" อยากได้อะไร เขาจะต้มแบบนั้น อยากกลับบ้าน ก็หลอกว่าจะให้กลับบ้าน เชื่อได้เลยว่าถ้าท่านยอมกลับมาจริงๆ ตามที่พูดครั้งนี้ รับประกันว่าจะต้องไปอยู่ในเรือนจำ แล้วต้องรอฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แม้จะทำได้ แต่ก็ต้องมีการยื่นคัดค้านแน่นอน แม้สิ่งที่ท่านคาดหมายว่าจะได้ไปอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือโรงพยาบาลตำรวจ ก็อาจไม่เป็นอย่างที่คิด หรือการได้กลับไปกักขังอยู่ที่บ้าน ในรายของนักโทษรายอื่นอาจจะเป็นไปได้ แต่เมื่อเป็นอดีตนายกทักษิณ มั่นใจได้เลยว่าไม่ได้ ซึ่งการหลอกครั้งนี้ ก็เพื่อเอาท่านทักษิณกลับมาเข้า "Killing Zone" จะเป็นจุดสิ้นสุดของพรรคเพื่อไทย และจุดสิ้นสุดของตระกูลชินวัตรในวงการการเมืองไทย

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย ก็คิดว่ามีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าจะถูกขุดบ่อล่อปลา ความเสี่ยงที่คุณทักษิณจะถูกหลอกก็ยังเป็นไปได้ แต่ถ้าคุณทักษิณกลับมาได้จริง นั่นหมายความว่า การจัดตั้งรัฐบาลต้องเรียบร้อยแล้วแน่นอน และจะออกมาในสูตร เพื่อไทยข้ามขั้ว ไปจับมือกับขั้วตรงข้ามแน่นอน

นายจตุพร มองว่า ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เป็นการตระบัดสัตย์ เพื่อไทยเคยพูดไว้ก่อนเลือกตั้ง ว่าจะจับมือกับใคร ไม่จับกับใคร แต่พอเลือกเสร็จมาแล้ว มากลับคำ ตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว มันเป็นการทำลายความเชื่อทางการเมือง พรรคก้าวไกลเขาชนะมาด้วยความเชื่อ หากคุณอยากจะชนะเขาคุณต้องชนะด้วยความเชื่อที่เหนือกว่า แต่ตอนนี้เขากลับทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเอง

จตุพรยังยกตัวอย่างตอนนิรโทษกรรมสุดซอย ตอนนั้นมวลชนคนเสื้อแดงที่สนับสนุนเพื่อไทย สนับสนุนคุณทักษิณมาตลอด เขาหายวับไปกับตาจริงๆ เพราะคนเหล่านี้เขายอมสู้ แลกได้แม้กระทั่งชีวิต แต่วันหนึ่งที่เขาสูญเสียความเชื่อในตัวคุณทักษิณ หรือในพรรค เขาก็ไม่เอาแล้ว

สถานการณ์การเมือง ณ เวลานี้ เทียบได้กับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 รวมกับ เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คือมีการตระบัดสัตย์ และมีการกลับมาสู่ประเทศไทยของนายกทักษิณ เหมือนที่ พล.อ.ถนอมบวชเณรกลับเข้ามา อย่าไปคิดว่าวันนี้ ด้อมส้ม หรือเหล่าบรรดาผู้รักประชาธิปไตยเขาจะยังจุดไม่ติด ย้อนไปเมื่อเหตุการณ์ กปปส. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จัดรายการอยู่เป็นปีไม่มีคนสนใจ แต่พอมีเหตุนิรโทษกรรม แค่ 4 วัน คนเต็มถนนไปหมด เมื่อมองถึงเหตุการณ์วันนี้ ถ้าเพื่อไทยข้ามขั้ววันไหน คนจะเต็มถนนวันนั้น

รศ.ดร.ยุทธพร บอกว่า พรรคเพื่อไทยต้องจัดการสมดุล 4 เรื่องให้ไปด้วยการให้ได้ คือ 1.ผลการเลือกตั้ง 2.การวางมือของพล.อ.ประยุทธ์ 3.การกลับบ้านของคุณทักษิณ และ 4.การเมืองมวลชนบนถนน เรื่องทั้งหมดนี้มีผลอย่างมาก ถ้าจัดสมดุลสิ่งเหล่านี้ได้ เพื่อไทยก็อาจจะข้ามขั้วได้ คุณทักษิณก็กลับบ้านได้ ถ้าเขาเอาตัวรอด และคลี่คลายสิ่งเหล่านี้ลงได้ คุณทักษิณก็อาจจะกลับมาปลุกกระแสคนเสื้อแดงให้ตื่นตัวขึ้นมาได้ เพราะในอนาคต เชื่อเถอะว่า การต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง จะเป็นการขับเคี่ยวของเพื่อไทย กับ ก้าวไกล อย่างแน่นอน

นายจตุพร มองว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีปัญหาเรื่องคะแนนเสียงมาก่อน ไม่เคยมีใครสงสัยในฝีมือเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาที่เพื่อไทย ไทยรักไทย หรือพลังประชาชนเจอมา หลักๆ จะมีแต่เรื่อง ลุแก่อำนาจ และเรื่องทุจริตคอรัปชัน แต่ครั้งนี้คุณจะเริ่มต้นด้วยการตระบัดสัตย์ประชาชน จะเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ยังไงในเมื่อประชาชนเขาจะออกมาเต็มถนน

ขณะที่ เค สามถุยส์ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง โฟนอินเข้ามาพูดคุยในรายการ บอกว่า สิ่งที่คุณจตุพรพูด มันเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของคุณจตุพร วันนี้คุณจตุพรพูดถึงแต่ตั๋วขากลับ แต่ไม่พูดถึงตั๋วขาไปของคุณทักษิณ ที่ต้องออกจากประเทศไป เพราะถูกรัฐประหาร ถูกตั้งข้อหาด้วยฝีมือของคู่ขัดแย้งกับนายกทักษิณ สิ่งที่คุณจตุพรทำมาตลอดคือออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ให้เรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วพอมาถึงวันนี้ที่คุณทักษิณจะได้ความเป็นธรรมบ้าง มันไม่สมควรหรือ?

ส่วนเรื่องการจับมือตั้งรัฐบาล โดยส่วนตัวตนมองว่า ถ้าถึงจุดที่ 8 พรรคร่วมมันไปกันต่อไม่ได้ เพราะคนไม่ร่วมงานกับพรรคก้าวไกล แล้วจะให้ประชาชนที่เขาเฝ้ารออยู่เขาทำอย่างไร เราไล่ลุงกันมา แล้วจะปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์รักษาการนายกต่อไปเรื่อยๆ หรือ? สุดท้ายถ้าเพื่อไทยต้องไปจับมืออะไรกับใคร เพื่อให้ประเทศมันเดินหน้าต่อไปได้ ตนยอมรับได้

วันนี้คุณจตุพร ไปกล่าวหาว่าคนนั้น คนนี้จะข้ามขั้ว ก็อยากจะถามกลับไปที่ตัวคุณตู่ จตุพรว่า การที่คุณเองไปจับมือกับคุณวีระ สมความคิด จับมือกับทนายนกเขา ซึ่งเขาเคยสนับสนุนรัฐบาลที่ล้อมปราบคนเสื้อแดง เคยทำให้คนใกล้ชิดของตัวพี่ตู่เองต้องบาดเจ็บล้มตาย เรื่องนี้พี่ตู่จะตอบอย่างไร

จตุพร ตอบคำถามเรื่องนี้ว่า ตนกับทนายนกเขา ได้วางเรื่องส่วนตัวของตัวเองลง ไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองไหน ต่างคนก็วิพากษ์วิจารณ์ไปตามข้อเท็จจริงไม่สนฝ่ายไหน แล้วตอนที่คนเสื้อแดง นปช. ต่อสู้กันมา ตอนนั้นคุณเคสู้อยู่ตรงไหน ถ้าร่วมสู้กันมา ก็อยากจะถามว่า ถ้าเพื่อไทยไปร่วมกับ รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ คุณรับได้หรือ?

คุณเค สวนกลับว่า พรรคที่คุณจตุพรไล่เรียงมา มันเป็นพรรคที่เกิดขึ้นหลังการล้อมปราบคนเสื้อแดง ตนก็ได้ยินที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะไม่จับมือกับพรรคเหล่านี้ ตนก็ยังสนับสนุน 8 พรรคให้จับมือกัน แต่เมื่อมันถึงทางตัน มันต้องทำอะไรสักอย่าง มันต้องให้พรรคฝ่ายเราเข้าไปเป็นรัฐบาลให้ได้ เข้าไปแก้รัฐธรรมนูญ เอา สว.โหวตนายกออกไป ตอนนี้เราไม่มีอำนาจรัฐ เลือกตั้งใหม่ก็ติดล็อก สว. อยู่ดี

ถ้าสุดท้ายบอกว่าเพื่อไทยตระบัดสัตย์ แล้วจะเสียคะแนนไปให้ก้าวไกล ก็ดีไม่ใช่หรือ งั้นก็ปล่อยให้เพื่อไทยจับมือตั้งรัฐบาลไปเลย แล้วเลือกตั้งรอบหน้าคุณก็แลนด์สไลด์กลับมาเลย ไม่ต้องมาหวังพึ่ง 376 เสียงด้วย