ซ้ำเติมเหยื่อ! "กันจอมพลัง" หอบหลักฐานแฉ ตร.ฉาว ขอมีสัมพันธ์กับ ผสห.แลกช่วยคดี

ซ้ำเติมเหยื่อ! "กันจอมพลัง" หอบหลักฐานแฉ ตร.ฉาว ขอมีสัมพันธ์กับ ผสห.แลกช่วยคดี

ซ้ำเติมเหยื่อ! "กันจอมพลัง" หอบหลักฐานแฉ ตร.ฉาว ขอมีสัมพันธ์กับ ผสห.แลกช่วยคดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"กันจอมพลัง" ลุยช่วยเหยื่อ หอบหลักฐานยื่น "บิ๊กโจ๊ก" แฉ ตร.ฉาว ขอมีสัมพันธ์ชู้สาวกับ ผสห.แลกช่วยคดีถูกทำอนาจาร

นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกันจอมพลัง พาหญิงผู้เสียหาย นำหลักฐาน เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีถูกตำรวจเรียกเงิน 1 แสนบาท แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีฐานบุกรุกเคหสถาน ในเวลากลางคืน หลังถูกชายเจ้าของบ้านพยายามลวนลาม จากนั้นตำรวจขอมีความสัมพันธ์ชู้สาว แลกกับการช่วยดำเนินคดี

ผู้เสียหาย เผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2565 ในจังหวัดสระบุรี ขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้านช่วงกลางคืน จังหวะที่รถยนต์เสียแบตเตอรี่หมด และโทรศัพท์มือถือแบตหมด มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือโดยช่วยเข็นรถยนต์ให้ แต่เข็นเข้าไปในที่เปลี่ยว และอ้างว่าจะพาไปเอาแกลอนเพื่อมาไปซื้อน้ำมันมาเติมรถที่บ้าน และได้ขอยืมสายชาร์จโทรศัพท์ ชายคนดังกล่าวบอกว่าให้เดินไปหยิบสายชาร์จในห้อง จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เข้ามาล๊อคห้องและพยายามลวนลาม จึงได้ออกอุบายขอเข้าห้องน้ำ และหลบหนีออกมาได้โดยให้เพื่อนบ้านช่วยเหลือไว้

เมื่อมาแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ถูกคุมตัวไว้ เนื่องจากเจ้าของบ้านได้แจ้งความไว้ว่าบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน แต่ตัวเองก็ได้แจ้งความดำเนินคดีกับชายเจ้าของบ้านไว้ด้วยว่ากระทำอนาจาร จากนั้นเจ้าของบ้านได้ถอนแจ้งความไป แต่ตำรวจไม่ให้ถอนแจ้งความ เนื่องจากอ้างว่าเป็นคดีอาญาไม่สามารถถอนแจ้งความได้ จากนั้นตำรวจยศ “พันตำรวจโท” ได้เรียกรับเงิน 1 แสนบาท พร้อมอ้างว่าจะช่วยเหลือไม่ฟ้องร้องคดี ไม่ต้องถึงชั้นอัยการ แต่หาเงินให้ไม่ได้จึงต่อรองเหลือ 1 หมื่นบาท ซึ่งตำรวจนายนี้ทำคดีที่ถูกกระทำอนาจารให้ต่อ แต่ก็ยังมาขอมีคสามสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันอีก

ด้านกัน จอมพลัง เผยว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายแล้ว ได้สอบถามไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ก็พบว่า ตำรวจนายดังกล่าวเคยมีประวัติในเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์มาแล้ว 2 ครั้ง และถือว่าเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมเหยื่อจึงต้องพามาร้องขอความเป็นธรรม ให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะนำหลักฐาน และสอบปากคำผู้เสียหายว่าเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 หรือไม่ และหากว่ามีหลักฐานดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการด้วย พร้อมทั้งเตือนให้ประชาชนมีสติหากมีตำรวจมาอ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือทางคดีได้ โดยให้ติดต่อผู้กำกับการของแต่ละพื้นที่ได้ทันที และอย่าโอนเงินเด็ดขาด

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook