เดินแทบไม่ไหว! เข้าคลินิกรักษามะเร็ง ถูกเจ้าของฟ้องบุกรุก ต้องหอบร่างมาขึ้นศาลแบบงงๆ
แปลกแต่จริง กลุ่มคนไข้เป็นงง เข้าคลินิกไปรักษากลับถูกฟ้องบุกรุก แพทย์ประจำคลินิกโดนด้วย บางคนเป็นมะเร็งแค่เดินยังจะไม่ไหว แต่ต้องหอบร่างจากกรุงเทพมาขึ้นศาลที่เชียงใหม่แบบงงๆ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (5 ส.ค.) กลุ่มคนไข้ที่เข้ารักษาตัวในคลินิกแพทย์แผนไทยแห่งหนึ่งใน ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จำนวน 4 คน พร้อมกับแพทย์แผนไทยประจำคลินิกอีก 1 คน รวมตัวกันนำหลักฐานที่เป็นหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ปพน ตาขันทะ พนักงานสอบสวน สภ.หางดง หลังก่อนหน้านี้เข้าไปบำบัดรักษาตามปกติ แต่จู่ๆ กลับถูกเจ้าของคลีนิกยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ในข้อหาบุกรุก โดยทั้งหมดบอกว่าไม่รู้สาเหตุและการถูกฟ้องทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน
นางดา (ขอสงวนชื่อสกุล) อายุ 51 ปี ผู้ป่วยมะเร็งที่เป็นหนึ่งในผู้ถูกฟ้อง เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นมะเร็งและจบกระบวนการรักษาสำหรับการแพทย์แผนปัจจุบันไปแล้ว ต่อมาทราบว่าที่คลินิกแพทย์แผนไทยแห่งนี้มีแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียง จึงติดต่อเข้ารับการรักษาเป็นทางเลือก ก่อนจะเดินทางจากกรุงเทพมหานครมาพร้อมกับสามี เข้าทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาในช่วงวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2566
หลังจากนั้นได้กลับมารักษาอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม 2566 แต่ปรากฏว่ากลางเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา จู่ๆ ก็ได้รับหมายจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ว่าตนเองและสามีถูกเจ้าของคลีนิกฟ้องดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก กรณีที่เข้าไปรักษาที่คลินิกในช่วงวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าในช่วงเวลาดังกล่าวสามีของตนเองไปไลฟ์สดที่คลีนิคในช่วงเวลาดังกล่าว
นางดา บอกว่า เธอและสามีรู้สึกตกใจและงงมากที่จู่ๆ เป็นคนไข้ไปรักษาตามปกติเหมือนกับคนไข้คนอื่นๆ แต่กลับมาถูกฟ้องดำเนินคดี เครียดจนถึงขั้นแอดมินเข้าไปนอนโรงพยาบาลก่อนเดินทางมาเชียงใหม่ในวันนี้ ทุกวันนี้ก็ลำบากอยู่แล้วเพราะป่วยมะเร็งสุขภาพไม่แข็งแรง แค่เดินปกติยังไม่ค่อยไหว กลับต้องมาเดินทางมาตามที่ศาลนัดไกล่เกลี่ยในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ และศาลยังนัดไต่สวนในวันที่ 4 กันยายน แถมต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย โดยยืนยันว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเข้าไปรักษาตามปกติและไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
ขณะที่นายเบิร์ด อินฟลูเอนเซอร์สายโหราศาสตร์ สามีของนางดาที่ถูกฟ้องเหมือนกัน บอกว่า ตนเองจะไลฟ์สดผ่านเพจเป็นประจำทุกเช้า ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ช่วงเช้าที่ไปส่งภรรยาที่คลินิก ได้ขออนุญาตหมอที่คลินิกขอไลฟ์สดตามปกติ หมออนุญาตและให้ไปไลฟ์บนห้องชั้นสอง ระหว่างที่ไลฟ์ก็มีการพูดคุยตามปกติ ไม่มีการบอกถึงสถานที่และเอ่ยถึงอะไรที่เกี่ยวข้องกับคลีนิค และการไลฟ์ก็มีภาพพื้นหลังเป็นผ้าม่าน ไม่มีภาพใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคลินิก จึงไม่รูว่าถูกฟ้องได้อย่างไร
ขณะที่ผู้ป่วยอีกคนหนึ่งที่ถูกฟ้อง บอกว่า ตนเองเข้าไปรักษาตามปกติและไม่ได้ไปไลฟ์อะไรเหมือนกับนายเบิร์ด แต่ก็ถูกฟ้องในข้อหาเดียวกัน เรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุนี้ทำให้ทุกคนมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและทุกวันนี้ก็ยังงงไม่หายว่ามาโดนฟ้องเพราะอะไร จึงรวมตัวกันแต่งทนายให้เข้ามาช่วยเหลือทางคดี โดยยืนยันต่อสู้ให้ถึงที่สุด โดยในวันนี้ได้นำหลักฐานมาแจ้งความในข้อหาฟ้องเท็จ
ด้าน นางชฏารัตน์ อายุ 52 ปี แพทย์แผนไทยประจำคลินิก เปิดเผยว่า ทำงานที่นี่มาสี่ปีกว่า ทำหน้าที่ทุกอย่างเพียงคนเดียวในคลินิกทั้งเป็นแพทย์แผนไทยและผู้ดูแลอาคารสถานที่ ตลอดการทำงานที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไร ค่ารักษาพยาบาลและรายรับทุกอย่าง คนไข้จะโอนเข้าบัญชีเจ้าของคลินิกทั้งหมดทุกรายและที่ผ่านมาก็ไม่ได้เกิดความขัดแย้งอะไร กระทั่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตนเองได้ขอลาออกจากคลินิกหวังแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางอาชีพให้กับตัวเอง แต่ปรากฏว่าหมายศาลก็มาถึงบ้านในเดือนกรกฏาคมพร้อม ๆ กับกลุ่มผู้ป่วยอีก 4 คน
นางชฏารัตน์ บอกว่า เธอและผู้ป่วยทุกคนไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่คุ้นเคยกันในฐานะหมอและคนป่วยที่เข้ามาปรึกษาและบำบัดรักษา เรื่องที่เกิดขึ้นนอกจากตัวเองจะตกเป็นจำเลยแบบงงๆ ก็ยังเห็นใจผู้ป่วยที่ถูกฟ้องเพราะทุกคนไม่สบาย สุขภาพไม่ดี โดยเฉพาะนางดาที่ป่วยโรคมะเร็ง ต้องหอบร่างเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้และสอบสวนปากคำเบื้องต้น หลังจากนั้นจะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมตามกระบวนการทางกฏหมายต่อไป ส่วนกลุ่มผู้ถูกฟ้องยืนยันจะเดินทางไปตามที่ศาลนัดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ขณะที่ทนายความแปลกใจว่ามีการฟ้องข้อหาบุกรุกได้อย่างไร ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ถูกฟ้องไม่มีเจตนา แต่เข้าไปอยู่ในคลีนิคในฐานะผู้เข้าไปใช้บริการและในฐานะแพทย์ผู้ให้การรักษาตามปกติ
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ