"มาริโอ้" เข้าให้ปากคำฐานะพยาน แจงที่มารถยนต์โบราณ ยืนยันบริสุทธิ์ใจ

"มาริโอ้" เข้าให้ปากคำฐานะพยาน แจงที่มารถยนต์โบราณ ยืนยันบริสุทธิ์ใจ

"มาริโอ้" เข้าให้ปากคำฐานะพยาน แจงที่มารถยนต์โบราณ ยืนยันบริสุทธิ์ใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีตำรวจจับกุม 2 ตัวการใหญ่แก๊งโจรกรรมสวมทะเบียนรถยนต์ พบข้อมูลพระเอกหนุ่มชื่อดัง มาริโอ้ เมาเร่อ รวมทั้งกลุ่มคนมีชื่อเสียงที่นิยมรถโบราณ มีความเชื่อมโยงกับคดีความดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเร่งขอข้อมูลเพื่อเรียกสอบที่มาของรถจำนวน 65 คัน

ล่าสุดวันนี้ 9 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมืองทองธานีมาริโอ้ ได้เดินทางมากับผู้จัดการส่วนตัว พร้อมทนายความ เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีสวมทะเบียนรถ ซึ่งหนึ่งในทะเบียนรถของกลางที่ตำรวจยึดมาได้นั้น ตรวจพบชื่อพระเอกหนุ่ม เป็นเจ้าของทะเบียนรถเบนซ์ G300 สีขาว ทาง ตร.สอท.จึงให้เจ้าตัวเข้ามาให้ข้อมูลในฐานะพยาน ไม่ใช่การออกหมายเรียกแต่อย่างใด

สำหรับประเด็นที่พนักงานสอบสวนต้องการข้อมูลจาก มาริโอ้ เป็นเรื่องที่มาของรถยนต์โบราณ เรื่องเล่มทะเบียนซื้อขายกันแล้วพบชื่อเจ้าตัวเป็นผู้ครอบครอง แต่เหตุใดจึงยังไม่ได้รถ และการมีส่วนร่วมรู้เห็นกับการกระทำความผิดมูลฐาน

จากการเข้าให้ปากคำครั้งนี้ นอกจากเป็นการให้ข้อมูลเพื่อพนักงานสอบสวนจะได้นำไปขยายผลทางคดีแล้ว ยังเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจ หาก มาริโอ้ ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับการกระทำความผิด

โดยหลังจากให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว มาริโอ้ เปิดเผยว่า “มาให้ปากคำในฐานะพยาน ไม่มีความกังวล ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่หมดแล้ว ส่วนเรื่องรายละเอียดขอให้ถามทางผู้ใหญ่ ส่วนที่หลือนอกจากนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ”

ด้าน พล.ต.ต. อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการ สอท. เปิดเผยว่า "วันนี้ได้มีการเรียกสอบพยานทั้งหมด 3 ปาก ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถกับมาริโอ้ คือนายก้องซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ขายรถให้กับมาริโอ้ และพี่ชายของนายก้อง ส่วนความสัมพันธ์นั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้มาริโอเคยซื้อเฟอร์นิเจอร์จากนายก้อง จนมีความสนิทสนมและไว้ใจกัน แต่ไม่เคยซื้อขายรถกันมาก่อน โดยนายก้องได้เสนอขายรถ Benz G300 ให้กลับมาริโอ้ในราคา 1,500,000 บาท เมื่อเดือนธันวาคม 2565 โดยยังไม่ได้เห็นรถตัวจริง และมีการทำสัญญาวางมัดจำไว้ 500,000 บาทก่อน โดยมีกำหนดภายใน 60 วันจะต้องส่งมอบรถ แต่เมื่อถึงกำหนดก็ยังไม่ได้รถทางนายก้องจึงคืนเงินมัดจำให้กับมาริโอ้

จากการสอบสวนเบื้องต้นเชื่อว่า มาริโอ้ น่าจะไม่ได้จงใจซื้อรถสวมทะเบียน แต่พนักงานสอบสวนก็จะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า มาริโอ้ไม่ได้มีเจตนาจงใจที่จะซื้อรถเถื่อน แต่หากภายหลังพบว่ามีเจตนาก็ถือว่ามีความผิด ซึ่งจากการที่พบว่าเล่มทะเบียนรถคันดังกล่าวมีชื่อของมาริโอ้เป็นผู้ครอบครองคนสุดท้าย ทางกรมการขนส่งทางบกจึงยังไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงโอนทะเบียน เพราะต้องตรวจสอบย้อนหลังที่มาว่ามีใครเคยเป็นผู้ครอบครองบ้าง

ส่วนพยานที่เป็นเจ้าของรถทั้ง 65 คัน ที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการสวมทะเบียน โดยแก๊ง 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกลุ่มไปก่อนหน้านี้นั้น พนักงานสอบสวนเรียกมาให้ปากคำไปเกือบหมดแล้ว เหลืออีก 2 คน ที่ยังมาพบไม่ได้เนื่องจากยังอยู่ต่างประเทศ"

 

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ

อัลบั้มภาพ 15 ภาพ ของ "มาริโอ้" เข้าให้ปากคำฐานะพยาน แจงที่มารถยนต์โบราณ ยืนยันบริสุทธิ์ใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook