เจ้าของบ้านหาของไม่เจอ เอะใจเปิดกล้องดู ผวาโจรเดินชิลล์ในบ้าน ประชิดตัวข้างเตียง
เจ้าของบ้านหาของไม่เจอ เอะใจเปิดกล้องวงจรปิด ผวาโจรเดินชิลล์ในบ้าน หยิบทรัพย์สินอย่างใจเย็น ประชิดตัวถึงข้างเตียง
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปวงจรปิด พร้อมระบุข้อความว่า “หมู่บ้านบางใหญ่ วันที่ 3 ส.ค. 66 ตอนตีสี่มีโจรเข้ามาที่บ้านเลขที่ 13 (เพื่อนบ้านติดกัน) โจรเข้าจากประตูครัวหลังบ้านเอื้อมมือทางกระจกเข้ามาเปิดประตู เข้ามาในตัวบ้านและขึ้นไปหยิบกล่องใส่เงินสดที่วางอยู่ตรงหัวนอน และเดินหยิบของรอบเตียงนอน ซึ่งขณะนั้นเจ้าของบ้าน ภรรยา และลูกสาว อายุประมาณ 1 ขวบ หลับอยู่บนที่นอน ได้ทรัพย์สินมีค่าเป็นเงินสด กระเป๋า และพระเครื่อง
จากนั้นโจรได้ปีนข้ามรั้วมาบ้านผมเลขที่ 12 กรีดมุ้งลวดเข้ามาทางหลังบ้าน เข้ามาขโมยของชั้นล่าง ได้นาฬิกาข้อมือ กับ กุญแจรถยนต์ไป จากนั้นโจรได้ปีนออกทางรั้วหลังบ้านหลบหนีออกไปทางกำแพงหมู่บ้านด้านข้าง หลังจากรู้ว่าขโมยขึ้นบ้านผมก็ติดต่อไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ส่งสายตรวจมาที่หน้าบ้านประมาณ 6 คน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านหรือ รปภ. เข้ามาพบเจ้าหน้าที่เลย (บ้านผมอยู่ติดกับส่วนกลางของหมู่บ้านซึ่งเจ้าหน้าที่และรปภ.อยู่ตรงนั้น) ทางตำรวจต้องเดินไปตามรปภ. หลายครั้ง ถึงจะเดินมาให้ปากคำ
หลังจากนั้นวันที่ 3 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 8 โมง จนถึงตอนนี้ 6 ส.ค. 66 เวลา 07.14 น. ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากทั้งทางโครงการหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางโครงการแจ้งเพียงแค่ว่าได้เรียก คนสวน และ รปภ. ทั้งหมดมาตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีลักษณะคล้ายกับโจร แต่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบคนงานก่อสร้างของหมู่บ้าน แจ้งว่าต้องรอประสานงานกับตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่แคมป์คนงาน ตอนนี้ผมและเพื่อนบ้านที่ประสบเหตุรวมถึงทุกคนในหมู่บ้านที่ทราบเรื่อง กังวลใจในความปลอดภัยมากๆ เพราะแต่ละบ้านมีทั้งเด็กเล็กและผู้สูงอายุ และคนร้ายดูรู้ที่ทางในหมู่บ้านเป็นอย่างดีสามารถหลบกล้องวงจรปิดของโครงการหมู่บ้านได้หมด และรู้เวลาเข้าตรวจของรปภ. คือ ตี 1 และเข้าตรวจอีกครั้งตอนตี 5 ซึ่งคนร้ายเลือกเข้ามาเวลาตี 3 และกลับออกไปตี 4 กว่าๆ
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 9 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับ นายอนุกูล อายุ 30 ปี อาชีพวิศวกรโรงงาน (เจ้าของบ้านเลขที่ 13) กล่าวว่า วันเกิดเหตุคนร้ายเข้ามาทางประตูครัวด้านหลัง เนื่องจากตนเปิดกระจกไว้เพื่อระบายกลิ่น และไม่ได้ล็อกกลอนด้านบน คนร้ายจึงเอื้อมมือมาเปิดประตูจากด้านในและเดินเข้ามารื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน เปิดดูข้าวของตามตู้ชั้นล่าง หยิบกระปุกออมสิน กระเป๋าสะพายและเสื้อของภรรยาตนไป เมื่อได้ของบางส่วนเอาไปกองไว้ข้างบ้าน ก่อนเข้ามาค้นหาผ้าขนหนูเพื่อเอาไปห่อเงิน
คนร้ายเดินวนเวียนเข้า-ออก อยู่ในบ้านตนประมาณ 3 รอบ รื้อค้นอย่างใจเย็น ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร ตนมาทราบเรื่องตอน 7 โมงครึ่ง กำลังจะไปทำงาน หาของไม่เจอ มีพระเครื่อง เงินสดในตะกร้าประมาณ 8-9,000 บาทหายไป ส่วนเลสหลวงพ่อรวย รุ่นเจริญพร 2554 คนร้ายได้หยิบไปแต่เจอตกหล่นอยู่ที่บริเวณหลังบ้านเลขที่ 12 คาดว่าคนร้ายน่าจะทำตกไว้ เพื่อนบ้านจึงนำมาคืนให้ และเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่นรวยชุ่มใจ 100 ปี ตกอยู่ในกำแพงรั้วฝั่งบ้านของตน ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินที่หายไปทั้งหมดมีแค่เงินสด ส่วนพระเครื่องและเลส ตกหล่นอยู่จึงได้คืนมา
ตอนแรกที่ตนตื่นมาลงมาด้านล่างเห็นตู้ และประตูครัวเปิดอยู่ จึงเริ่มเดินดูรอบๆบ้าน เห็นตะกร้าใส่เงินที่อยู่บนหัวเตียงของตนตกอยู่หลังบ้าน มีรอยเท้าที่กำแพงข้างบ้าน จึงไปเปิดกล้องวงจรปิดดู ตกใจมากเพราะตนเห็นคนร้ายยืนอยู่มุมห้อง และเดินรอบเตียงนอนของตนในขณะที่ตน ภรรยา และลูกวัย 1 ขวบ นอนอยู่บนเตียง หลังเกิดเหตุทุกวันนี้ตนยังรู้สึกกลัว ห่วงภรรยาและลูก คืนนั้นไม่รู้ว่าคนร้ายใช้ยาด้วยหรือเปล่า เพราะปกติภรรยาของตนจะตื่นตลอดเวลาเนื่องจากลูกดิ้น แต่คืนนั้นกลับนอนหลับสนิท โชคดีที่ทุกคนในบ้านไม่เป็นอะไร
ตอนนี้ตนติดกล้องวงจรปิดเพิ่มอีก 2-3 ตัว ซึ่งปกติมีอยู่ 8 ตัว ตนกลัวมาก จากรูปพรรณสัณฐาน ทางหมู่บ้านบอกว่าอาจจะเป็นคนงานก่อสร้าง หรือคนส่งแก๊สที่สงสัย เพราะลักษณะการแต่งกาย คล้ายคนงานก่อสร้าง อาจจะเป็นคนงานชุดแรกๆ เพราะรู้ทางเข้าออกและเดินชิลล์มาก ส่วนเพื่อนบ้านบางคนบอกว่าบุคลิกคล้ายคนส่งแก๊สเพราะมีรอยสักที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง ส่วนที่ข้อมือก็เห็นมีรอยสักด้วย ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบดำเนินคดีเพราะกลัวจะมีการก่อเหตุซ้ำ ขนาดบ้านตนมีกล้องวงจรปิด บ้านอยู่ใกล้ป้อมรปภ. และอยู่ต้นซอยในหมู่บ้านยังโดนโจรขึ้นบ้านแบบนี้ เคสต่อไปอาจจะไม่ได้โชคดีแบบตน หากคนร้ายลงมือฆ่าเพื่อเอาทรัพย์สินมันจะยิ่งสูญเสียมากกว่าเงินที่หายไป ถ้าคืนนั้นตนตื่นมาไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น คาดว่าคนร้ายมีอาวุธเพราะข้ามไปบ้านเลขที่ 12 ได้ใช้ของมีคมกรีดมุ้งลวดด้วย
ด้านภรรยานายอนุกูล กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังรู้สึกวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เวลานอนจะนึกถึงภาพในกล้องวงจรปิดที่คนร้ายมายืนอยู่ข้างเตียง น่ากลัว และหดหู่มาก โชคดีที่ไม่ได้เผชิญหน้ากัน ถ้าหากต้องเผชิญหน้ากันคงมีการต่อสู้เกิดขึ้น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเคสนี้ให้รวดเร็วเพราะคนร้ายอุกอาจมาก
นายพุทธมงคล อายุ 32 ปี อาชีพเจ้าของกิจการ (เจ้าของบ้านเลขที่ 12) กล่าวว่า คนร้ายเข้ามาตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 04:00 น. คนร้ายปีนจากรั้วโครงการด้านข้าง และเดินตามรั้วมา ดูตามกล้องวงจรปิดคนร้ายเดินเข้าไปในบริเวณบ้านแทบทุกหลัง แต่เข้าไปในตัวบ้านไม่ได้ จึงเดินไล่มาเรื่อยๆ และเข้าไปบ้านเลขที่ 13 ก่อน หลังจากนั้นจึงข้ามรั้วเข้ามาที่ด้านหลังบ้านตนและใช้ของมีคมกรีดที่มุ้งลวด ซึ่งคืนเกิดเหตุตนไม่ได้ ปิดกระจกหน้าต่าง เนื่องจากเปิดไว้ให้มีอากาศเข้าเพราะตนเลี้ยงสุนัข หลังจากนั้นคนร้ายได้มุดตัวเข้ามาในบ้าน หยิบทรัพย์สิน ซึ่งมีนาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อ SEIKO กับกุญแจรถยนต์ไป หยิบกระเป๋าสะพายของแฟนตนมารื้อค้น โชคดีที่ในกระเป๋าแฟนไม่ได้เก็บอะไรไว้ ส่วนมากของมีค่าจะอยู่ในรถ มูลค่าความเสียหายประมาณ 40,000-50,000 บาท รวมถึงกุญแจรถยนต์ที่ต้องทำใหม่ด้วย เพราะต้องเปลี่ยนยกชุดใหม่
คนร้ายใจเย็นมาก นั่งรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านตนอย่างใจเย็น ตนมารู้ตัวอีกทีตอนเช้ากำลังจะออกไปทำงาน ลงมาจะหยิบนาฬิกาใส่แต่หาไม่เจอ ตอนแรกนึกว่าถอดลืมไว้ตรงอื่น ตั้งใจจะไปทำงานก่อนค่อยกลับบ้านมาหาอีกครั้ง แต่พอขึ้นรถในรถยนต์ขึ้นเตือนว่าไม่พบกุญแจรถ กลับมาหาในบ้านอีกครั้งพบว่ากุญแจรถก็ไม่อยู่ จึงเดินดูรอบบ้าน เริ่มเห็นสิ่งแปลกๆ ที่กั้นหมาข้างบ้านพังลงมา ประตูหลังบ้านเปิดอ้าไว้ เลยให้แฟนดูกล้องวงจรปิด คนร้ายรูปร่างผอมสูง ใส่ผ้าโพกหัว ใส่ถุงมือเหมือนถุงมือก่อสร้าง สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขาสั้น อายุน่าจะประมาณ 40 ปี ในกล้องจะเห็นรอยสักที่ข้อเท้าด้านใน 2 ข้าง
ส่วนกล้องวงจรปิดจากอีกบ้านเห็นรอยสักที่ข้อมือข้างขวาด้วย ตนแปลกใจตรงที่บ้านตนเลี้ยงสุนัขแต่คืนเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าเลย หลังเกิดเหตุตนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางแม่นาง ได้มีชุดสืบลงพื้นที่ประมาณ 6 คน หลังจากนั้นตนจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก หลังจากนี้ตนจะหมั่นตรวจสอบและล็อคประตู หน้าต่างในบ้านให้หมด จะหาอุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัย
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ