อนุพงษ์ เชื่อ ฮุนเซน มาพื้นที่ทับซ้อนไม่มีวาระพิเศษ

"อนุพงษ์" เชื่อ "ฮุนเซน" มาพื้นที่ทับซ้อนไม่มีวาระพิเศษ ไม่หวั่น แดงชุมนุมใหญ่ช่วงบินสหรัฐ เชื่อไม่รุนแรง ยันทหารทำตามกรอบกม. ไม่ใช้อาวุธ ปัด "ชัยสิทธิ์" ยังไม่ติดต่อเป็นกาวใจ เสธ.แดง ยัน พิจารณาโทษตามหลักเกณฑ์

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 5 ก.พ.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางเยือนสหรัฐ ถึงการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวาระพิเศษ ว่าเป็นการแถลงแผนการทำงานของ สมช. ถึงการดูแลรักษาความเรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนก็จะเหมือนปกติ โดยจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รักษาตามแผน ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าเหตุการณ์จะไม่รุนแรง

เมื่อถามว่า เหลืออีก 10 วันจะถึงการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง หวั่นวิตกอะไรบ้าหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าให้ประเมินไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง ตอนนี้เศรษฐกิจดีขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวก็ดีขึ้น แต่การท่องเที่ยวก็ต้องพึ่งพาสถานการณ์ หากสถานการณ์เกิดความเรียบร้อยก็น่าจะดี และส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว แต่เท่าที่ติดตามดูยังไม่มีอะไรรุนแรง

เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะลงพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.บริเวณปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากการประสานกับ พล.ท.เจียร มอญ ผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ทราบว่า สมเด็จฮุนเซนจะมาเปิดหมู่บ้าน บริเวณบ้านโกหมุ่ย และมาเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณดังกล่าวด้วย ซึ่งการเดินทางมาของสมเด็จฮุนเซนจะเป็นไปในลักษณะเดียวกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่เวลาลงพื้นที่บริเวณดังกล่าว กัมพูชาก็มาร่วมด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าการเดินทางลงพื้นที่ของสมเด็จฮุนเซนไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และไม่มีวาระอะไรเป็นพิเศษ ส่วนพื้นที่อื่นไม่ได้มีการยืนยันว่าสมเด็จฮุนเซนจะลงในพื้นที่ใดบ้าง ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของรัฐบาลในการดูแลความเรียบร้อย และไปร่วมงานในพื้นที่ด้วย

เมื่อถามว่า อะไรที่ทำให้ ผบ.ทบ.มั่นใจว่าช่วงที่เดินทางไปสหรัฐ สถานการณ์บ้านเมืองจะไม่รุนแรง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จากการประเมินมาตรการด้านการข่าวทั้งหมดขณะนี้มั่นใจว่า ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น และประเมินทางด้านสังคมโดยรวมก็น่าจะต้องการความสงบเรียบร้อย

เมื่อถามย้ำว่า การประเมินสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงจะรุนแรงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าให้วิเคราะห์คนไทยทั้งหมดไม่ค่อยยอมรับความรุนแรง ใครทำอะไรรุนแรงก็ไม่น่าจะประสบความสำเร็จ ตนเข้าใจว่านอกจากมองเลยไปกว่านั้นแล้ว ยังน่าจะให้ยึดถือตามกฎเกณฑ์ ไม่อย่างนั้นสังคมจะไปไม่ได้ ตนประเมินว่าสังคมต้องการเห็นทุกอย่างเป็นตามกฎเกณฑ์และผู้ที่ถืออำนาจในกระบวนการต่างๆ ก็จะต้องทำด้วยความเป็นธรรม ตนคิดว่าสังคมมองอย่างนั้นอยู่

เมื่อถามว่า มองเรื่องการยุติบทบาทของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่จะไม่เคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงจะส่งผลดีต่อสถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตนไม่ค่อยทราบข้อมูลมาก และยังประเมินอะไรมากไม่ได้

เมื่อถามว่า หากเกิดสถานการณ์รุนแรง กองทัพมีความพร้อมแค่ไหนในการดูแลความสงบ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ที่ประชุม สมช.ทางตำรวจก็มีความพร้อม ทหารก็มีความพร้อม โดยอยู่บนพื้นฐานของการดูแลความสงบเรียบร้อย ถือว่าเป็นพี่น้องคนไทยด้วยกัน มาตรการที่ทหารใช้ก็จะใช้มาตรการทางด้านกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่ใช้อาวุธโดยเด็ดขาด และต้องการรักษาความสงบเรียบร้อยเท่านั้น ตนยืนยันว่าจะไม่มีอะไรรุนแรง

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ.จะเป็นกาวใจแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างผบ.ทบ.และพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการติดต่อมายังตน และเรื่องกาวใจตนไม่ได้มีอะไรทั้งสิ้นเหมือนกับกำลังพลในกองทัพ ตนก็เซ็นหนังสือแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ใครมีความผิดก็สอบสวน หากไม่มีความผิดก็สามารถกลับไปทำหน้าที่ได้ตามปกติ แต่ถ้าหากมีความผิดก็จะต้องปฏิบัติไปตามขั้นตอนในการลงทัณฑ์ทางวินัย แต่หากมากกว่าทางวินัยก็จะต้องถูกลงทัณฑ์ทางอาญา ซึ่งได้ทำตามระเบียบไม่มีอะไรที่จะต้องมาทะเลาะกัน

"ผมปกครองกองทัพบก และปกครองกำลังพลธรรมดา ท่านจะว่าอะไรก็ได้ แต่ในเรื่องปกครองเมื่อใครมาทำหน้าที่อย่างผม ก็จะต้องทำอย่างนั้น ทั้งนี้หากติดต่อมาก็พร้อมที่จะคุย แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ใครเป็น ผบ.ทบ.ตอนนี้ก็จะต้องปกครองแบบนี้ ไม่อย่างนั้นที่เราสั่งลงโทษไม่ว่าจะเป็นชั้นประทวน นายสิบ หรือนายทหาร ที่เราปลดเขา ลงโทษขัง หรือภาคทัณฑ์ เราจะตอบเขาได้อย่างไรว่าคนหนึ่งทำผิดถูกลงโทษ แล้วอีกคนหนึ่งทำผิดแต่ไม่ถูกลงโทษ ดังนั้นทุกอย่างมีข้อพิจารณาตามหลักเกณฑ์ในตัวของมันอยูแล้ว" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว