"ชูวิทย์" สปอย 15 ส.ค. รบ.มิจฉาชีพ สะดุดขาขั้นสุดท้าย "นายกฯ นอมินี" โดนกระชากหน้ากาก
"ชูวิทย์" แฉอีกรอบก่อนเวลาหมด เปิดพฤติการณ์ "รัฐบาลมิจฉาชีพ" ใช้เทคนิคแก๊งคอลเซนเตอร์ ตีหน้าเศร้าห่วงบ้านเมืองวิกฤต เร่ขายอุดมการณ์ต่อต้านเผด็จการ ฟอกขาว "นายกฯ นอมินี" แลกพาคนเดียวกลับบ้าน
วันที่ 13 สิงหาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก แจ้งเตรียมแฉเพื่อชาติ Ep.2 “ปั่น บวม ตัดตอน” วันอังคารหน้าจะมีการแถลงข่าวเปิดเผยพร้อมหลักฐานเอกสาร
โดยนำข้อมูลเชื่อมโยงให้เห็นว่า พฤติการณ์ของ “ว่าที่นายกฯ ตัวสูงๆ” มีเล่ห์เหลี่ยมของนายทุนอย่างไร? ให้สังคมได้ตัดสินเอง ข้อมูลที่มีหลักฐาน วิธีการที่น่าเคลือบแคลงสงสัย ผิดทั้งกฎหมาย จริยธรรม และธรรมาภิบาล มาให้สาธารณชนได้เห็น
แต่เกริ่นไว้ว่าการขยายผลในเรื่องใหม่ตอนนี้ จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตลาดหลักทรัพย์ บริษัทมหาชน เป็นวงกว้างรุนแรงดั่งสึนามิ เป็นการโกงผู้ถือหุ้นเช่นเดียวกับ “คนกินฉี่” เพียงแต่ซับซ้อนกว่า ไม่ใช่แค่ไปปลอมรายงานการประชุมโง่ๆ แบบคนไม่มีกึ๋นข้อมูลชุดใหม่นี้ไม่เกี่ยวกับตอนแรก 12 คน 12 วัน
หากคนเป็น “นายกรัฐมนตรี” มีพฤติการณ์ซ่อนเร้นอำพรางเช่นนี้ สังคมจะรับได้หรือไม่? บรรดา ส.ว. ที่เห็นดีเห็นงามจะยอมโหวตให้หรือไม่?
EP นี้ รวบมาจาก “การแฉเพื่อชาติ” ให้กระชับขึ้น เนื่องจากเวลาผมเริ่มหมด เชิญสื่อมวลชนทุกสำนัก อังคารที่ 15 สิงหาคมนี้ เวลาบ่ายโมง สถานที่เดิม ปูเสื่อรอเลยครับถึงใจพระเดชพระคุณเหมือนเดิม รับประกันยี่ห้อชูวิทย์
ต่อมา นายชูวิทย์ ได้โพสต์อีกครั้งในประเด็น รัฐบาลมิจฉาชีพ อันการเมืองยุคนี้ เสมือนหนึ่งเรื่องหลอกลวงของ “แก๊งคอลเซนเตอร์” ไม่ผิดเพี้ยน แสร้งตีหน้าเศร้าเล่าต่อสาธารณชนว่า แสนเป็นห่วงบ้านเมืองวิกฤต เศรษฐกิจย่ำแย่ ปากท้องของพี่น้องต้องไปดูแล ต้องมีรัฐบาลอย่างเร่งด่วนไม่งั้นประเทศจะเสียหาย
แต่ธาตุแท้กล้าเอา “อุดมการณ์” เร่ขาย เพื่อแลกกับการกลับบ้านของคนเพียงคนเดียว ด้วยขบวนการนโยบาย “เทคนิคหลอกประชาชน” ดั่ง “แก๊งคอลเซนเตอร์” ที่ใช้การหลอกพ่อแม่ว่าลูกถูกทำร้าย ให้โอนเงินมาให้ ที่จริงลูกไม่รู้เรื่อง แต่สร้างเรื่องขึ้นมา
นักการเมืองก็ใช้ “พรรคการเมือง” เป็นสถานที่ และโลโก้ เพื่อลวงให้ประชาชนหลงเชื่อจนไปลงคะแนนให้ แต่พอได้อำนาจ ที่เคยบอกว่า “ต่อต้านเผด็จการ” กลับไปเจือสมกับซากเผด็จการเสียเองจนสำเร็จความใคร่ แล้วดันให้ “นายกฯ นอมินี” ผ่านกระบวนการฟอกขาว
จึงถือได้ว่าไม่ได้เป็น “รัฐบาลของประชาชน” แต่เป็น “รัฐบาลมิจฉาชีพ” โดยแท้ เพราะหลอกล่อ สร้างเรื่อง ปล้นคะแนนประชาชนมา แล้วยังเอาคะแนนประชาชนไปร่วมกันทำอุบายกับผู้ที่เคยยึดอำนาจ เสมือนหนึ่งการกระทำของมิจฉาชีพต้มตุ๋น พฤติการณ์จึงไม่ได้แตกต่างกัน กลับแย่กว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นการกระทำที่เปิดเผยโล่งโจ้งต่อหน้าธารกำนัล
แต่เรื่องราวกลับไม่ได้จบง่ายอย่างที่นักการเมืองมิจฉาชีพปรารถนา อันเนื่องมาจากการสะดุดขาตัวเองบนบันไดขั้นสุดท้ายก่อนขึ้นสู่อำนาจสูงสุด
วันอังคารที่ 15 สิงหาคม จะเปิดเผยพฤติกรรมของบุคคลที่กำลังขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เพราะฉ้อฉลปล้นเงินผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน จึงถือเป็นเกียรติยศยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตของผม ที่ได้แฉเพื่อชาติ “กระชากหน้ากากคนโกง เปิดโปงคนชั่ว ไม่เกรงกลัวอิทธิพล”