พงศพัศ ถกเจ้าหนี้ ช่วยครูน้อย
พงศพัศ นำทีมเจรจา 2 เจ้าหนี้รายใหญ่ยกเก็บดอกเบี้ยไว้ก่อน ยอมรับรู้จักครูน้อยมานาน ด้านครูน้อยซาบซึ้ง หลังมีผู้บริจาคช่วยเหลือ
โดยเว็บไซต์ ข่าวสด พาดหัวข่าวว่า "ครูน้อยซึ้ง-แห่ช่วย ถกเจ้าหนี้ 2รายยอมพักดอก"
พงศพัศลุยเจรจา ขอบริจาคแล้ว8 พม.รับดูแลเด็ก ชี้ต้องลดภาระ! อ่านต่อ...
ทั้งนี้ จากกรณีนางนวลน้อย ทิมกุล หรือครูน้อย อายุ 67 ปี เจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย ย่านซอยราษฎรบูรณะ 26 กทม. ซึ่งเปิดบ้านเลี้ยงดูเด็กยากไร้มานาน 30 ปี ตัดสินใจร้องเรียน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. เนื่องจากเดือดร้อนเป็นหนี้ถึง 8 ล้านบาท จากการกู้เงินนอกระบบมาเป็นค่าใช้จ่าย เฉพาะดอกเบี้ยต้องส่งเจ้าหน้าหนี้ถึงวันละ 5 หมื่นบาท ปัจจุบันครูน้อยมีเด็กในความดูแล 70 กว่าคน และมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนกว่า 2 แสนบาท โดยครูน้อยวิงวอนทั้งน้ำตาขอร้องเจ้าหนี้ประมาณ 20 ราย ให้ช่วยผ่อนปรนด้วย เพราะไม่เบี้ยวหนี้อยู่แล้ว แต่ระยะหลังค่าใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่เงินช่วยเหลือและเงินบริจาคลดน้อยลง ด้านผู้ช่วยผบ.ตร.รับช่วยเหลือแม่ครูคนยากของเด็กยากไร้อย่างเต็มความสามารถ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ยผ่านมา พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ มาพบ นางนวลน้อย ทิมกุล หรือครูน้อย ที่สถานรับเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย เพื่อดูแลการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างครูน้อยกับเจ้าหนี้ พบว่ามีเจ้าหนี้ที่แจ้งและยังไม่ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 21 ราย ในจำนวนนี้ 6 ราย เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่
"วันนี้มาเพื่อให้เจ้าหน้าที่รวบรวมรายชื่อเจ้าหนี้ทั้งหมด และจำนวนเงินที่ครูน้อยเป็นหนี้ โดยเจรจากับเจ้าหนี้ทุกรายขอให้หยุดเก็บในส่วนดอกเบี้ยรายวันตั้งแต่เมื่อวานนี้ และจะตรวจสอบยอดเงินระหว่างครูน้อยกับเจ้าหนี้ให้ตัวเลขตรงกันจากหลักฐานการกู้เงิน การเจรจากับเจ้าหนี้อาจจะได้รับการลดหนี้บางส่วน หรือจะจ่ายคืนหนี้อย่างไร หรือช่วยเหลือครูน้อยเรื่องอื่นๆ เพื่อให้หนี้หมดโดยเร็ว จะได้ไม่เป็นงูกินหางเหมือนขณะนี้" พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าว
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รวบรวมรายชื่อเจ้าหนี้ได้ทั้งหมด 13 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้ 3,880,000 บาท ทำอย่างไรจะให้เงินที่ได้รับบริจาคมาไม่ต้องนำไปใช้หนี้ แต่ให้ถึงมือเด็กจริงๆ ส่วนที่มีคนสงสัยเรื่องความโปร่งใสการใช้จ่ายเงินของบ้านครูน้อยนั้นคงต้องฟังหูไว้หู ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ด้าน ครูน้อย กล่าวว่า ที่กล่าวหาว่าตนนำเงินบริจาคไปให้ลูกชายซื้อรถยนต์และที่ดิน 70 ไร่นั้น ไม่เป็นความจริง มีเพียงบ้าน จ.สระบุรี ที่ลูกชายซื้อด้วยเงินตัวเอง ส่วนรถยนต์ไม่เคยซื้อให้ รถที่ลูกชายใช้อยู่ทุกวันนี้ก็แทบจะหลุดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว ทุกครั้งที่ได้รับเงินบริจาคจะออกเป็นใบเสร็จไว้ให้ แต่ไม่ได้ทำบัญชีว่าใช้จ่ายเงินไปอย่างไรบ้าง ระยะหลังคนบริจาคน้อยลง แต่ตนเคยให้เด็กเท่าไหร่ก็ยังให้เท่าเดิม
"เมื่อเป็นหนี้ถือเป็นความ บกพร่องของตัวเอง ยอมรับว่าที่ผ่านมาทุ่มเททุกอย่างให้เด็กโดยไม่คิดอะไร เด็กๆ อยากได้อะไรก็พยายามหาให้ตลอด มาแบกรับความทุกข์ไว้คนเดียว ไม่เคยแสดงให้เด็กเห็น หลังจากมีข่าวออกไปมีผู้โทรศัพท์แจ้งความประสงค์ช่วยเหลือแล้ว 8 ราย โดยจะโอนเงินมาให้ ไม่ได้มาบริจาคด้วยตนเอง" ครูน้อยกล่าว