เอ็นจีโอแนะทางออกปัญหาหนี้ “ครูน้อย” ต้องจัดระบบบัญชีช่วยเด็ก
ครูหยุย และครูยุ่น แนะทางออกแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของ ครูน้อย ต้องนำระบบการจัดการและระบบบัญชีในรูปของมูลนิธิเข้าไปช่วยบริหาร ครูหยุย เผยเคยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยวางระบบบัญชีแต่ครูน้อย ไม่ดำเนินการระบุยุ่งยาก
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เปิดเผยว่า การช่วยเหลือเด็กยากจนและด้อยโอกาสทั้งหลายในยุคปัจจุบันไม่ใช่มีแต่ใจอย่างเดียว ต้องมีความพร้อมด้วย และต้องไม่สงเคราะห์จนลืมหูลืมตาจนเด็กอ่อนแอ เพราะสุดท้ายช่วยเหลือแล้วต้องพยายามให้เด็กอยู่กับครอบครัวให้ได้ ตนรู้จักนางนวลน้อย ทิมกุล หรือ ครูน้อย ผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อยมานาน ไม่ได้กังวลในเรื่องความซื่อตรงหรือความเป็นคนดี แต่ยืนยันได้เพียงครูน้อย คนเดียวเพราะรู้จักคนเดียว เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วครูน้อยบอกว่ามีปัญหาเรื่องการเงิน มูลนิธิสร้างสรรค์เด็กจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยจัดระบบบัญชีให้ แต่ได้ทำเพียงสัปดาห์เดียว ครูน้อยก็ถอดใจบอกว่ายุ่งยากและไม่อยากทำ ตนก็ไม่ได้บังคับและถอยออกมา
นายวัลลภ กล่าวด้วยว่า ทางออกเฉพาะหน้าตอนนี้ ยืนยันว่าต้องใช้ระบบการจัดการเข้าไปช่วย เข้าใจว่าคนในสังคมรู้จักครูน้อยจำนวนมาก และเป็นผู้ที่รู้เรื่องระบบการจัดการก็มาก น่าจะส่งคนเข้าไปช่วยจัดการได้ เพราะจำนวนเด็กที่ดูแลอยู่มีแค่ 70 คนเท่านั้น
"คิดอยู่แล้วว่าต้องเกิดปัญหา เราไม่ใช่พระเวสสันดร การช่วยเด็กช่วยได้หลายแบบ เด็กมีปัญหาจริง ๆ ไม่กี่คน ต้องลงไปตรวจสอบเด็กจริงจังว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง ไม่ใช่สงเคราะห์แบบทุกขเวทนา และการมีระบบบัญชีจะช่วยให้การทำงานยั่งยืนที่สุด ไม่ว่าคนหรือองค์กรให้ใหญ่ขนาดไหนยังต้องเก่งในเรื่องบริหารจัดการ อย่างรัฐบาลถ้านายกฯ บริหารจัดการไม่ดีก็เจ๊งได้"เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าว
ด้านนายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก เปิดเผยว่า ทางออกสำหรับครูน้อยคือต้องออกมาพูดความจริงว่าเป็นหนี้เท่าไร และสาเหตุเพราะอะไร คิดว่ามีคนพร้อมจะช่วยสะสางหนี้ให้ครูน้อยอยู่แล้ว จากนั้นต้องวางระบบบริหารจัดการและจดทะเบียนเป็นรูปของมูลนิธิ ให้มีคณะกรรมการ มีระเบียบราชการ การตัดสินใจอะไรจะได้ไม่เป็นไปเพียงคนเดียวเหมือนที่จดทะเบียนเป็นสถาน เลี้ยงดูเด็กกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)