กระบะคู่กรณีโรลส์-รอยซ์ ยันไม่หนี ทนายฝ่ายสาวจีนเผย ประเมินซ่อมไม่ต่ำ 1 ล้าน
กระบะคู่กรณีโรลส์-รอยซ์ ยันไม่หนี เตรียมเข้าให้ปากคำ ทนายฝั่งสาวจีนเผยไฟท้ายแตก ประเมินซ่อมไม่ต่ำ 1 ล้าน
ความคืบหน้ากรณีคนขับรถกระบะ ชนท้ายรถโรลส์-รอยซ์ ราคาคันละ 32 ล้าน จุดเกิดเหตุบนถนนมอเตอร์เวย์ ขาเข้ากรุงเทพ ช่วงกิโลเมตรที่ 48 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ส.ค.66 เวลาประมาณ 15.53 น. จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมถึงค่าซ่อมรถโรลส์-รอยซ์
กระทั่งต่อมาฝ่ายคนขับรถกระบะ อ้างว่า ตกลงกับคู่กรณี ซึ่งเป็นหญิงสาวชาวจีนแล้ว ว่าไม่ติดใจเอาความและต่างคนต่างซ่อมรถยนต์ของตัวเอง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาการ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวได้มีการตรวจสอบเบื้องต้น และได้รับแจ้งจากคนขับรถโรลส์-รอยซ์ ผ่านทนายความว่า ตามที่มีข่าวว่า คนขับโรลส์-รอยซ์ไม่ติดใจเอาความนั้นไม่จริง แต่เป็นเพราะพูดไทยไม่ได้ และมีธุระด่วน จึงออกจากที่เกิดเหตุไปก่อน
นายอนิรุจน์ คงทรัพย์ ทนายความ กล่าวว่า โดยรถยนต์โรลส์รอยซ์คันนี้ มีราคาประมาณ 32 ล้านบาท ซึ่งหญิงชาวจีนเป็นเจ้าของรถเอง โดยเธอเข้ามาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยหลายปีแล้ว ประกอบธุรกิจทำร้านอาหาร โดยประเมินความเสียหายเบื้องต้น น่าจะหลักล้าน เพราะไฟท้ายแตก บังโคลนด้านหลังเสียหาย อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้ประกันรถมาประเมินรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน
สำหรับรถโรลส์รอยซ์ มีประกันชั้น 1 แต่เธอบอกผ่านล่ามว่า เธอไม่ได้เป็นคนผิด จึงไม่ยอมความ และอยากให้ตำรวจตามตัวคู่กรณีมารับผิดชอบ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุคนขับกระบะยังไม่ติดต่อมาเลย ส่วนความเสียหาย อยากให้ประกันมาคุยกัน โดยวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ได้นัดบริษัทประกัน มาตีราคาซ่อมรถอีกครั้ง
ล่าสุด (16 ส.ค.66) พ.ต.ท.โสภณ โกมลสุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. ให้สัมภาษณ์หลังหญิงสาวชาวจีน พร้อมด้วยล่ามแปลภาษา และทนายความ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน กรณีถูกรถกระบะแต่งซิ่ง ชนท้ายเข้ากับรถยนต์โรลส์-รอยซ์ บนถนนมอเตอร์เวย์ขาเข้า กรุงเทพ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. โดยระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ตำรวจก็จะช่วยให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา
โดยเรื่องการซ่อมแซมรถให้เป็นหน้าที่ของประกัน ตำรวจสามารถติดต่อฝั่งคู่กรณีได้แล้ว ยืนยันว่าจะไม่หนี จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวน เบื้องต้นคู่กรณีบอกว่า วันเกิดเหตุมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าอีกฝ่ายไม่เอาเรื่อง เพราะไม่เข้าใจภาษา ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเรียกเข้ามาพบในวันที่ 18 ส.ค.นี้ เพื่อพูดคุยรายละเอียดในเรื่องของคดีต่อไป