“จตุพร” ไม่เชื่อ “ทักษิณ” กลับไทย คาดเป็นเกมหวังผล สุดท้ายตำแหน่งเป็นของ “บิ้กป้อม”
“จตุพร” ไม่เชื่อ “ทักษิณ” กลับไทย 22 ส.ค. บอกยังไม่เห็นตัวเป็นๆ อย่าเพิ่งเชื่อว่าจะกลับ วิเคราะห์อาจเป็นเกมหวังผลโหวตนายกฯ เผย “เศรษฐา” ไม่ได้เป็นนายกฯ อาจเป็น “แพทองธาร” ก่อนตำแหน่งนายกฯ กลายเป็นของ “บิ้กป้อม”
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ระบุว่า กล่าวถึงการกลับไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ในวัน 22 สิงหาคม ว่า หากยังไม่เห็นตัวจริงอย่างเพิ่งด่วนสรุปว่าจะกลับไทย 100 เปอร์เซน เพราะห้วงนี้ก่อนโหวตยังอยู่ระหว่างการแบ่งกระทรวงของพรรคร่วมตั้งรัฐบาล ก่อนที่จะมีการแถลงของ 11 พรรคในวันจันทร์หน้า 21 สิงหาคม ซึ่งพร้อมกับการแถลงของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ขณะเดียวกันในวันที่ 22 สิงหาคมยังมีการตัดสินคดีทุจริตโรงพัก ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณอีก
โดยมองว่าการตัดสินใจกลับของนายทักษิณนั้น สามารถเลือกวันอื่นกลับได้ แต่ความเขี้ยวลากดินที่คิดว่าการประกาศกลับบ้านไม่มีอะไรเสียเพราะประกาศมาแล้วกว่า 20 ครั้ง คงเห็นแล้วว่าไม่ส่งผลอะไร หลายคนอาจเชื่อว่านางสาวแพทองธารเป็นคนประกาศเอง แต่ยังอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก หรือติดลบ เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วย ประกาศปิดสวิตส์ สว. -ปิดสวิตส์ 3ป. -ไม่จับมือพรรค2ลุง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ขณะนี้
“ถ้าคุณเศรษฐา ทวีสิน ยังไม่ถูกเปลี่ยนตัว ไปโหวตในวันที่ 22 สิงหาคมจะไม่ผ่านเสียง สว. จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนตั้งคำถามว่าจะไปเจรจาแบ่งกระทรวงกันทำไม มองว่าเป็นการตกลงกระทรวงให้เรียบร้อยเวลาเปลี่ยนเปลี่ยนเฉพาะหัวเท่านั้น ดังนั้นขณะนี้สิ่งที่ได้ประเมินค้างเอาไว้ จะมีการเปลี่ยนตัวกันหรือไม่ เช่น การเปลี่ยนจากเศรษฐามาเป็นคนอุ๊งอิ๊งค์หรือไม่ เพราะเกมสถานการณ์ขณะนี้ เพื่อความสมบูรณ์ที่สุดของการทรยศหลักหลังทั้งปวง และเป็นการปิดฉากตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ต้องให้คุณอุ๊งอิ๊งค์เข้าไปสู่การโหวตนายกฯ แม้ถูกวิจารณ์แต่ก็ผ่าน” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรยังหยิบยกเรื่องประเด็นความน่าเชื่อถือหรือข้อครหาของ นางสาวแพรทองธารไม่ต่างจากกรณีนายเศรษฐาเรื่องการทำธุรกรรม อาจถูกชำแหละวันโหวตและก็ผ่านโหวตได้ แต่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะก่อนจะถึงกระบวนการโปรดเกล้าฯ นำ ครม.ถวายสัตย์ และแถลงนโยบายรัฐสภา ยังมีเวลาร่วม 1 เดือนที่ต้องติดตาม อาจได้เป็นนายกฯคนที่ 30 นาน 1 เดือน จากนั้น อาจมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯคนที่ 31 เว้นถูกล้มกระดานโดยการรัฐประหารเสียก่อน
พร้อมกันนี้ยังอ้างข้อมูลที่มีคนการเมืองไปเจรจากับนสยทักษินที่ฮ่องกงว่า นายทักษิณยืนยันการกลับบ้าน และการตั้งรัฐบาลไม่มีพรรค รทสช.และ พปชร. จนมีกระแสในข่าวประเทศ แต่ก็ไม่ได้กลับไทยตามที่ประกาศไว้ 10 สิงหาคม จนต้องตระบัดสัตย์ด้วยการจับมือกับ 2 พรรคนั้น
“เห็นว่าการประกาศรอบนี้เพื่อหวังในการโหวตนายกรัฐมนตรี อาจมีการเปลี่ยนเทคนิคเพราะคนระดับนายกฯทักษิณ ปฏิเสธกลับบ้านเข้ากระบวนการยุติธรรมตลอด 15 ปี อยู่ดีๆตัดสินใจกลับมา คนไทยต้องอดทนและต้องดูวันที่ 22 ตอน 9 โมงว่าเห็นตัวเป็นๆ ของนายกทักษิณที่ดอนเมืองหรือไม่ ต้องไม่ลืมการประกาศกลับที่ผ่านมาเกิน 20 ครั้งมาแล้ว เพราะฉะนั้นท่านไม่มีอะไรเสียเรื่องตระบัดสัตย์เรื่องนี้ แต่ลูกและพรรคเพื่อไทยต้นทุนไม่มีอะไรเหลือแล้ว” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร บอกยึดสาระของนายทักษิณที่ประกาศกลับบ้านไม่ได้ เพราะประกาศมา 20 ครั้ง ส่วนตัวหวังให้ได้กลับมาเพราะจะได้ยุติในประเด็นของนายทักษิณ จึงไม่เชื่อว่าจะกลับมา 22 สิงหาคมนี้ และยังมีคดีความผิด 3 คดี รวมติดคุก 10 ปี ยังไม่เห็นคำแนบท้ายคำสั่งศาลว่ามีการนับโทษต่อหรือไม่ เพราะต้องรับโทษติดคุกไม่น้อยกว่า 4 ปี และหากสั่งนับรวมติด 3 ปีเศษ ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายในช่วง 5 ปีของการติดคุกของตัวเองนั้นเจออดีตรองนายกและอดีตรัฐมนตรี อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หลายคนขอพระราชทานอภัยโทษเรื่องการทุจริตแต่ไม่เคยได้รับการอภัยโทษเลยแม้แต่กรณีเดียว
โดยนายจตุพรเชื่อว่านายทักษิณกลับไทยไม่ต้องการที่จะติดคุก ส่วนการแบ่งกระทรวงยังไม่เรียบร้อยยังมีเวลาเจรจา แต่เชื่อว่ายังไงนายเศรษฐาจะไม่ได้เป็นนายกฯ และนายจตุพรยังวิเคราะห์ว่าหากนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องลาออกเพื่อรับผิดชอบการผิดคำมั่นสัญญาที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงไม่จับมือกับพรรค2 ลุงนั้นอาจจะได้รับเป็นผลกระทบเป็นโดมิโน่ ถึงคนในพรรค ทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน รวมถึงนางสาวแพรทองธาร และคนอื่นๆที่เป็นทีมปราศรัยว่าจะต้องรับผิดชอบตามนายแพทย์ชลน่านอย่างไร ซึ่งหากจะต้องรับผิดชอบต้องไม่น้อยกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่เคยปฏิบัติไว้