มาเป็นคลิป! เพื่อไทย เล่าเหตุการณ์ปล่อยมือ "ก้าวไกล" ฉีก MOU ย้ำทำเพื่อแก้วิกฤตให้ ปชช.
พรรคเพื่อไทย โพสต์คลิปชี้แจงเหตุผลที่ปล่อยมือ "ก้าวไกล" และฉีก MOU 8 พรรค ทุกการตัดสินใจเพื่อแก้วิกฤตให้ประชาชน ยืนยันไม่ใช่การเล่นละคร ย้ำไม่ได้ข้ามขั้ว แต่สลายขั้ว
วันที่ 19 สิงหาคม 2566 พรรคเพื่อไทย เผยคลิปวิดีโอความยาว 7 นาที ลงในเพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ชี้แจงกรณีวิพากษ์วิจารณ์ หลังได้รับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกล ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ต่อมาได้ตัดสินใจยุติ MOU ที่ทำร่วมกับ 8 พรรคทีมจัดตั้งรัฐบาลเดิม และประกาศไม่ให้พรรคก้าวไกลร่วมเป็นส่วนหนึ่งพรรคร่วมรัฐบาล โดยยืนยันว่า "ทุกการตัดสินใจเพื่อแก้วิกฤตให้ประชาชน"
ในคลิป นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า หลังจากโหวตนายกฯ รอบแรก ที่เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยโหวตให้ 141 เสียงเต็มตามจำนวน สส.ของพรรค แต่มีคะแนนจากทาง สว.ที่ออกมาสนับสนุนเพียง 13 เสียง ทำให้ไม่ผ่านการเสนอชื่อในครั้งนั้น
ต่อมาในครั้งที่สอง มีการเสนอเป็นญัตติ โหวตเสนอชื่อ นายพิธา โหวตนายกฯ ซ้ำไม่ได้ ซึ่งมติเห็นชอบ 395 ต่อ 312 ซึ่งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยก็ยังโหวตหนุนให้ 141 เสียงเต็ม แต่ทาง 8 พรรคก็ยังแพ้ แคดีเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลไม่ได้รับเลือก สุดท้ายจึงส่งไม้ต่อการจัดตั้งรัฐบาลมาให้พรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายอย่างชัดเจน ว่าให้ไปหาความสนับสนุนจากวุฒิสภา ไปหาความสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ ถ้าเกิดไปทั้งสองอย่างแล้วมันทางตัน ก็ให้อยู่ในดุลพินิจของพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องคิดอย่างหนักเพื่อหาทางออก จึงเลือกทางอยู่ตรงกลาง เพื่อนำเอาซีกหนึ่งมาร่วมกับเรา และอีกซีนหนึ่งมาช่วยสนับสนุนภายใต้ข้อจำกัด ก็เลยตัดสินใจว่าคงต้องแยกออกมา คงต้องยุติ MOU ยุติข้อผูกมัดกัน
"สิ่งที่เป็นเอกภาพด้วยกันก็คือว่า เขาอยากร่วมรัฐบาลเพราะรู้ว่าวิกฤตประเทศมันมี แต่ทั้งหมดมีเงื่อนไขว่า ไม่อยากได้พรรคที่เสนอมาตรา 112 แม้กระทั่งพรรคก้าวไกล สมมุติถ้าเลิกเรื่อง 112 เขาก็ยังมีความเห็นว่าเขาไม่สบายใจที่ทำงาน เราก็ได้ให้เขาพูดต่อสาธารณะว่าเขามีความคิดเรื่องนี้อย่างไร นี่ไม่ใช่การเล่นละคร แต่เราต้องการให้เห็นชัดเจนว่า ระดับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคของแต่ละพรรค เขามีจุดยืนอย่างไร" นายภูมิธรรม กล่าว
ทั้งนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทย ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ค่อนข้างลำบาก เป็นการจัดตั้งในสถานการณ์พิเศษ มีข้อจำกัดและเงื่อนไข ที่ทำให้จำเป็นต้องไม่เอาก้าวไกล แล้วก็ประกาศว่าเราแยกทางกับก้าวไกลแล้ว แต่ก็ได้กลับมานั่งทบทวนดูว่า "ถ้าทำอย่างเดิมก็ได้ผลอย่างเดิม" ดังนั้น จึงเริ่มต้นด้วยการมองปัญหาวิกฤตของประเทศ สรุปได้ว่ามี 3 เรื่อง คือ วิกฤตรัฐธรรมนูญ, วิกฤตเศรษฐกิจ และเรื่องความขัดแย้ง จึงจำเป็นต้องเป็นรัฐบาลเพื่อแก้วิกฤต และสลายขั้วความขัดแย้ง
"พรรคเพื่อไทยลงทุนเรื่องนี้ด้วยความสูญเสียความเชื่อมั่น สูญเสียความไม่สบายใจไปเยอะ แต่เราคิดว่านั่นเป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย ถ้าต้องการให้ผลสำเร็จของการแก้ความขัดแย้งมันกลับมา เราถึงบอกว่าเราไม่ได้ข้ามขั้ว เราสลายขั้ว" นายภูมิธรรม กล่าว
ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มองเห็นผลประโยชน์ของตัวพรรคเอง แต่มองเห็นประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก อยากเห็นประเทศเดินข้างหน้า ทั้งนี้ ถ้าตัดสินใจผิดและมีปัญหา เราจะรับผิดชอบ และเชื่อว่าประชาชนจะพิจารณา แต่ถ้าเราสามารถคลี่คลายวิกฤตได้ แสดงว่าเรามองนอกกระบวนทัศน์เดิม และเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ เชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาส
อัลบั้มภาพ 26 ภาพ