คนแห่ขอพร "เทพสี่หูห้าตา" องค์ใหญ่ที่สุดในโลก แก้บนด้วยถ่านตามตำนานเล่าขาน
คนแห่ขอพร "เทพสี่หูห้าตา" หรือพระอินทร์แปลง องค์ใหญ่ที่สุดในโลก แก้บนด้วยถ่านตามตำนานเล่าขาน
(19 ส.ค.66) ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ มูลนิธิสุบินนิมิต ซึ่งเป็นที่ตั้งขอรูปปั้นดังกล่าว โดยพบว่ามีรูปปั้นของ เทพสี่หูห้าตา หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่าพระอินทร์แปลง ขนาดความสูง 24 เมตร สูงเด่นเป็นสง่าบนพื้นที่กว่า 6 ไร่ของมูลนิธิแห่งนี้ จากการสังเกตพบว่ามีประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติทยอยเดินทางมาสักการะขอพรไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน
ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับอาจารย์สุบิน นะหน้าทอง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิแห่งนี้ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้บวชเป็นพระมานานหลายปี ได้มีโอกาสศึกษาอาคมต่างๆมามากมาย ซึ่งในช่วงที่บวชเป็นพระนั้นก็ได้ใช้วิชาอาคมช่วยเหลือสงเคราะห์ลูกศิษย์ไปเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากในบางครั้งการทำพิธีสงเคราะห์ช่วยเหลือกับการดำรงค์อยู่ในเพศบรรชิตนั้น อาจจะดูไม่เหมาะสมเท่าที่ควร ตนจึงตัดสินใจลาสิกขาออกมา เพื่อใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาสงเคราะห์กลุ่มลูกศิษย์ได้เต็มกำลัง จนเป็นที่มาของการก่อตั้งมูลนิธิสุบินนิมิตขึ้นมา
อาจารย์สุบิน เปิดเผยต่อไปอีกว่า ต่อมาได้มีลูกศิษย์รายหนึ่งยกที่ดินผืนนี้ให้กับทางมูลนิธิ ตนจึงตัดสินใจใช้ผืนที่แห่งนี้จัดตั้งเป็นมูลนิธิพร้อมกับสร้างรูปปั้นของเทพสี่หูห้าตาหรือพระอินทร์แปลง ซึ่งเป็นเทพตามความเชื่อของทางล้านนาที่มีมาตั้งแต่โบราณ มาจัดสร้างด้วยความสูงใหญ่ที่สุดในประเทศไทยหรือในโลกก็ว่าได้ ด้วยความสูงถึง 24 เมตร ด้วยความเคารพและศรัทธาใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ผู้คนที่มีความเชื่อความศรัทธาได้เข้ามาสักการะบูชาได้ทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นไม่มีวันหยุด
อาจารย์สุบิน เปิดเผยอีกว่า สำหรับ ประวัติความเป็นมาของเทพสี่หูห้าตาหรือพระอินทร์แปลง ตามตำนานที่ครูบาชัยยะวงศาแห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เล่าไว้ว่า เทพสี่หูห้าตาก็คือร่างที่พระอินทร์แปลงกายลงมาทดลองใจชาวนาในช่วงที่ชาวนากำลังได้รับความเดือดร้อนยากลำบากในตอนนั้น ด้วยการเหยียบย่ำแปลงปลูกข้าวของชาวนาจนได้รับความเสียหาย เพื่อลองใจว่าชาวนาจะมีคุณธรรมในเรื่องความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หรือไม่ แม้จะถูกชาวนาบางคนเข้าทำร้ายแต่พระอินทร์แปลงก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ
จนกระทั่งมีชาวนาคนหนึ่งสงสารให้ความช่วยเหลือนำพระอินทร์แปลงไปเลี้ยงดูหาอาหารมาป้อนให้ แต่พระอินทร์แปลงก็ไม่ยอมกินอาหารเหล่านั้น จนกระทั่งในตอนกลางคืนที่อากาศหนาวเย็น ชาวนาคนดังกล่าวได้นำฟืนมาก่อกองไฟเพื่อไล่ความหนาวให้กับพระอินทร์แปลง ทำให้พระอินทร์แปลงหยิบท่อนฟืนที่ไฟลุกแดงเข้าใส่ปากกินเป็นอาหารแทน จากนั้นก็ถ่ายออกมาเป็นทองคำสร้างความดีใจให้กับชาวนาผู้นั้น
ซึ่งเรื่องพระอินทร์แปลงหรือเทพสี่หูห้าตานั้นเป็นกุศโลบายที่เปรียบเทียบว่า ศีล 5 เท่ากับ 5 ตา ส่วนหู 4 ข้างเท่ากับพรหมวิหาร 4 ที่พระอินทร์แปลงมาลองใจชาวนา และเป็นปริศนาธรรมที่ว่า ทองคำที่กว่าจะได้มานั้นเพราะผ่านการหล่อหลอมที่ต้องใช้ความอดทน อาจารย์สุบิน กล่าวอีกว่า หลังทางมูลนิธิเปิดทำการมาแล้ว 2 ปี มีประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทยอยเดินทางมาสักการะขอพรกับเทพสี่หูห้าตาในแต่ละวันพอสมควร
โดยส่วนใหญ่จะเดินทางมาขอพรในเรื่องโชคลาภและธุรกิจการงาน ซึ่งเมื่อสมหวังแล้วก็จะกลับมาแก้บนด้วยถ่านก้อนดำตามความเชื่อที่ว่าพระอินทร์แปลงหรือเทพสี่หูห้าตากินก้อนถ่านเป็นอาหาร ซึ่งขณะนี้ทางรูปปั้นของเทพสี่หูห้าตาก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ หรืออีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ คือการก่อสร้างพญานาคอีก 2 องค์ขนาบที่ฐานซ้ายขวาเท่านั้น ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างต่อไป
ทางด้ายนายวรวุฒิ อายุ 34 ปี ชาวบ้านที่เดินทางมาขอพร เปิดเผยว่า ตนทราบข่าวจากในโซเซียลว่ามีเทพสี่หูห้าตาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่นี่ ทำให้ในวันนี้ตนตัดสินใจเดินทางมาขอพรเรื่องโชคลาภและธุรกิจให้ประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้ ซึ่งส่วนตัวก็รู้จักและมีความเชื่อเกี่ยวกับเทพสี่หูห้ตามาก่อนหน้านี้แล้ว
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ