นโยบายทำได้จริงที่ ทักษิณ ชินวัตร สร้างฐานอำนาจสู่เส้นทางการเมือง

นโยบายทำได้จริงที่ ทักษิณ ชินวัตร สร้างฐานอำนาจสู่เส้นทางการเมือง

นโยบายทำได้จริงที่ ทักษิณ ชินวัตร สร้างฐานอำนาจสู่เส้นทางการเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แวดวงการเมืองไทยคงไม่มีใครไม่รู้จักอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ทรงอิทธิพลที่มีบทบาทสำคัญทางด้านการเมืองไทยมากว่า 20 ปี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เมืองไทย แต่พรรคการเมืองที่มีความใกล้ชิดก็ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเลือกตั้งครั้งใดก็ได้จำนวน สส. และเสียงจากประชาชนได้แบบถล่มทลาย

เหตุใดคะแนนนิยมในตัว อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ถึงไม่เสื่อมคลาย กลายเป็นมนต์ขลังที่เลือกตั้งครั้งใด ย่อมได้รับการยอมรับเสมอ ถ้าไม่มองเรื่องตัวบุคคลก็คงเป็นผลงานจากนโยบายต่างๆ ที่สร้างชื่อและทำให้เกิดขึ้นจริง ย้อนดูนโยบายสำคัญที่สร้างชื่อให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับทั้งคำชื่นชมและคำติชม

นโยบายหรือโครงการสำคัญ ๆ ที่ทำได้จริงเป็นรูปธรรมในสมัย อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร 

1. นโยบายการทำสงครามปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดอย่างรุนแรงภายในระยะเวลา 3 เดือน

เป็นนโยบายแรกๆ ที่ประชาชนเห็นด้วยเนื่องจากในขณะนั้นยาเสพติดเริ่มแพร่ขยายไปทั่วประเทศซื้อง่ายขายคล่อง มีการจัดกุมดำเนินคดีผู้ค้ายาหลายรายและมีการวิสามัญฆาตกรรมเกิดขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นนโยบายที่ดี แต่ก็มีเสียงสะท้อนเกิดขึ้นเนื่องจากการปราบปรามแบบเอาจริงเอาจัง ทำให้ผู้ค้าหวาดกลัวจนเกิดการ ฆ่าตัดตอน ทำให้ยุคนั้นเป็นยุคมืดของยาเสพติดเลยทีเดียว

2. นโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพล

ไม่ว่ายุคสมัยใด การปราบปรามผู้มีอิทธิพลต้องหยิบยกเอามาเป็นนโยบายเสมอ นอกจากลดอาชญากรรมได้แล้ว ยังสร้างความหน้าเชื่อถือให้กับรัฐอีกด้วย แต่ก็ไม่วายกลายเป็นนโยบายที่เป็นเครื่องมือในการกำจัดศรัตรูทางการเมืองอีกด้วย

3. โครงการจำหน่ายสลากเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว (หวยบนดิน) 

รายได้จากการจำหน่ายส่วนหนึ่งไปเป็นทุนการศึกษาสำหรับเยาชนที่มีครอบครัวมีฐานะยากจนแต่ผ่านการสอบคัดเลือกในระดับอำเภอ เพื่อส่งศึกษาต่อต่างประเทศตามสาขาที่นักเรียนต้องการ และช่วยลดปัญหาจากการค้าหวยเถื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม

แต่เสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นคือ เยาวชนสามารถเข้าถึงหวยได้บนดินได้แบบง่ายดาย ถึงแม้ว่าจะมีกฎห้ามจำหน่ายให้เด็กต่ำกว่า 18 แต่ก็นั่นแหล่ะในเมื่ออยู่บนดินก็ยากจะจัดการ ขนาดอยู่ใต้ดินผิดกฎหมายก็ยังจัดการไม่ได้เลย

4. โครงการแท็กซี่เอื้ออาทร โดยคิดค่าเช่าในราคาประหยัด เพื่อสร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อย

เป็นโครงการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มที่ทำให้คนขับแท็กซี่ลืมตาอ้าปากได้ แต่ก็มิวายมีข้อครหาว่าเลือกให้ผลประโยชน์เฉพาะฐานเสียงของตัวเอง

5. โครงการ สามสิบบาทรักษาทุกโรค

30 บาทรักษาทุกโรค หรือโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือต่อมามีคำเรียกว่า สิทธิบัตรทอง โดยคนไทยทุกคนสามารถรับบริการรักษาโรค โดยจ่ายเพียงสามสิบบาท ภาครัฐจะให้ประชาชนลงทะเบียนกับโรงพยาบาลและรัฐจัดสรรงบประมาณลงในโรงพยาบาลตามจำนวนคน และแจกบัตรประจำตัวให้แก่ผู้รับบริการที่เรียกกันว่า "บัตรทอง" เป็นโครงการสร้างชื่อและประชาชนยอมรับ

แต่ข้อเสียคือ หมอและพยาบาลต้องเข้าเวรกันมากขึ้น ประชาชนต้องรอคิวนานขึ้น หากรัฐจัดสรรงบประมาณที่ดี เพิ่มจำนวนบุคลากร ก็จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีกันถ้วนหน้า

6. โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอทอป ไทยแลนด์

เป็นโครงการที่มุ่งหวังให้คนในชุมชน ได้นำภูมิปัญญาที่มีอยู่มาพัฒนาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ จำหน่ายสร้างรายได้ให้กับตนเอง ครอบครัวและชุมชน ถือเป็นโครงการที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก นอกจากจะส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้านแล้ว ยังสามารถนำรายได้กระจายเข้าสู่ชุมชนอีกด้วย

7. จัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชุนเมืองแห่งละ 1 ล้านบาท

โครงการนี้ตอบโจทย์เป็นอย่างมากที่ได้ช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้โดยง่ายและสามารถสร้างรายได้เข้าชุมชนจากอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งสามารถนำเงินไปพัฒนาชุมชนได้อย่างรวดเร็ว

แต่เสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นคือการสร้างหนี้ของประชาชนได้ง่าย การเบี้ยวหนี้และการทุจริตจากการปล่อยเงินกู้ นอกจากนี้ถ้าชุมชนไม่เข้มแข็งเงินต้นทุนก็สูญเปล่าไม่สามารถจัดเก็บได้

ต้องยอมรับว่าความชื่นชมในตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ส่วนใหญ่มาจากนโยบายที่เอาจริงเอาจัง เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม สอดคล้องและตรงกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

และในส่วนของพรรคไทยรักไทยก็มีการขยายตัวแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะเมื่อพรรคความหวังใหม่มีมติให้ยุบพรรครวมกับพรรคไทยรักไทย ยิ่งทำให้พรรคไทยรักไทยมี ส.ส.จำนวนมากยิ่งขึ้น สร้างเสถียรภาพให้ฝ่ายรัฐบาลอย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อน

จนทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถรวบรวมสมาชิกในสภาฯเพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ทำได้เพียงอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเท่านั้น

ซึ่ง อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนครบวาระ 4 ปี ถือเป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย ที่ผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยสามารถอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระได้

โดยรัฐบาลในสมัยแรกนี้ได้เริ่มต้นบริหารประเทศ นับตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 จนถึงวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 และสิ้นสุดสภาพลงด้วยเหตุยุบสภาฯ (ครบวาระ) ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2548 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548

ความนิยมในตัว  อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้เพิ่มทวีคูณเป็นอย่างยิ่ง พิสูจน์ได้จากการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2548 พรรคไทยรักไทยได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนทั่วประเทศอย่างท่วมท้น กลายเป็นการจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองใดทำได้มาก่อน

โดยได้ที่นั่ง ส.ส. เข้าสู่สภาฯ ถึง 377 ที่นั่ง ทำให้พรรคไทยรักไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคการเมืองเดียวได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2

แต่แล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ก่อรัฐประหารล้มรัฐบาลอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ทำให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรพ้นจากตำแหน่ง 

ถึงแม้ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะยุติบทบาททางการเมืองและขอลี้ภัยไปอยู่เมืองนอก แต่คะแนนนิยมและผู้สนับสนุนยังคงมีอยู่เสมอ เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองของไทย ไม่ว่าจะแสดงความคิดเห็นอย่างไร ย่อมสั่นคลอนการเมืองไทยทุกครั้งที่ได้เอ่ยวาจา

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ นโยบายทำได้จริงที่ ทักษิณ ชินวัตร สร้างฐานอำนาจสู่เส้นทางการเมือง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook