คนขับเบนซ์กร่าง ชักปืนขู่ ทำร้ายวิน จยย. สุดท้ายเจอยาเสพติดท้ายรถ พาเพื่อนเกมยกแก๊ง

คนขับเบนซ์กร่าง ชักปืนขู่ ทำร้ายวิน จยย. สุดท้ายเจอยาเสพติดท้ายรถ พาเพื่อนเกมยกแก๊ง

คนขับเบนซ์กร่าง ชักปืนขู่ ทำร้ายวิน จยย. สุดท้ายเจอยาเสพติดท้ายรถ พาเพื่อนเกมยกแก๊ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เบนซ์ปาดหน้า ชักปืนขู่ ทำร้ายวิน จยย. สุดท้ายเจอยาเสพติดท้ายรถ พาเพื่อนเกมยกแก๊ง 6 คน คดีเป็นหางว่าว

จากกรณีหนุ่มขับรถเบนซ์ โชว์กร่าง ขับปาดหน้าวิน จักรยานยนต์ก่อนถูกวินจักรยานยนต์ล้อม จนเจ้าตัวชักปืนขู่ อ้างเป็นน้องผู้มีบารมีกลางทองหล่อ และถูกตำรวจควบคุมตัว พบ ปืน-ยาเสพติด ท้ายรถ

พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากการที่กลุ่มรถเบนซ์ กำลังเดินทางกลับมาจากการปาร์ตี้เพื่อไปส่งเพื่อน ปรากฏมาถึงจุดเกิดเหตุมีวินมอเตอร์ไซค์ 3 คันที่กำลังขี่ไปรับลูกค้าขับบริเวณด้านหน้า ด้วยความเร่งรีบจึงพยายามขับปาดหน้าเพื่อแซงรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มดังกล่าวด้วยความเร็ว จึงทำให้วินมอเตอร์ไซค์บีบแตรเตือน ทางคนขับรถเบนซ์เกิดความไม่พอใจ จึงเปิดกระจกมาต่อว่าวินมอเตอร์ไซค์พร้อมชูนิ้วกลางให้ แล้วขับมาจอดขวางถนน ก่อนจะลงมาปรี่ชกต่อยกับวินมอเตอร์ไซค์จนเกิดเหตุชุลมุน  เนื่องจากมีมอเตอร์ไซค์จำนวนมากมาช่วยห้ามและปกป้อง ซึ่งทางฝั่งคนขับรถเบนซ์ได้ชักอาวุธปืนมาข่มขู่บรรดาวินมอเตอร์ไซค์ด้วย ตามที่ปรากฎเหตุการณ์ในคลิป

หลังจากตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุ จึงได้ส่งชุดปราบปรามเข้าไประงับเหตุและตรวจค้นรถยนต์เบื้องต้น ปรากฏพบว่ามียาไอซ์จำนวน 2 ขีด อยู่บริเวณด้านท้ายของรถเบนซ์ พบอาวุธปืนไม่มีทะเบียน ขนาด .25 ซุกซ่อนบริเวณใต้เบาะหน้าที่นั่งฝั่งคนข้างคนขับ มีผู้ชาย 2 คน สาวประเภทสอง 2 คน และผู้หญิง 2 คน จากการนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาล พบสารเมตแอมเฟตามีนในร่างกายทุกคน จึงนำตัวมาดำเนินคดีที่ สน. ทุกคน

นอกจากนี้จากการตรวจค้นรถเบนซ์คันดังกล่าว พบว่าได้ติดป้ายทะเบียนปลอม เนื่องจากตรวจสอบป้ายทะเบียนในระบบของกรมการขนส่งทางบก ไม่พบ หมายเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว จากการสอบปากคำคนขับรถเบนซ์ เบื้องต้นยังให้การสับสน เพราะตอนแรกคนขับรถเบนซ์บอกว่า รถคันนี้เป็นรถของเพื่อนเขา แต่ภายหลังกลับให้การกลับกันว่า ตนได้นำรถคันนี้มาซ่อมที่อู่ แล้วตอนเช้าเอารถมาลองขับ 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ตัวคนขับรถเบนซ์ประกอบอาชีพธุรกิจเสื้อผ้า ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการซ่อมรถยนต์แต่อย่างใด จึงยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนขับรถเบนซ์ ซึ่งก็ต้องสอบปากคำโดยละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่ารถยนต์คันนี้นั้นเจ้าของตัวจริงอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของรถยนต์ทราบหรือไม่ว่าติดป้ายทะเบียนปลอม

สำหรับผู้โดยสารทั้ง 6 ราย ถูกแจ้งข้อหาดังต่อไปนี้
1) นายชาวิญญ์ อายุ 44 ปี คนขับรถเบนซ์ แจ้งข้อหาครอบครองและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ / ใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม / ร่วมครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 เพื่อจำหน่าย / เสพยาเสพติดประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน / และข้อหาตาม พ.ร.บ.การจราจร
2) นายยุทธนา อายุ 40 ปี ผู้โดยสารนั่งข้างคนขับ แจ้งข้อหาครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 / และร่วมกันครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 ไว้เพื่อจำหน่าย
3) น.ส.ธามน ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย อายุ 34 ปี แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1
4) นายปัญจรัตน์ อายุ 21 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1
5) น.ส.จิรันธนิน อายุ 36 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1
6) นายอิทธิพัทธ์ อายุ 21 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1

นอกจากนี้ยังพบว่า นายชาวิญญ์ คนขับรถเบนซ์มีประวัติต้องโทษในคดีอาชญากรรมหลายคดี ได้แก่ คดีทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ผู่อื่น ท้องที่ สน.สุทธิสาร ปี 2556 / คดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ท้องที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ปี 2555 / คดีบุกรุกที่ดิน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ปี 2553

ส่วนประเด็นที่นายชาวิญญ์ อ้างว่าเป็นตำรวจและรู้จักกับตำรวจระดับสูงนั้น เป็นการกล่าวอ้างมากกว่าและจากการตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยนายชาวิญญ์ให้การว่า ตัวเองไม่ได้กล่าวอ้างว่าตนเป็นตำรวจและไม่รู้จักกับตำรวจระดับสูงแต่อย่างใด ส่วนนายยุทธนาที่ถูกระบุว่าเป็นบุตรชายของตำรวจนั้น จากการตรวจสอบพบว่า นายยุทธนาเป็นลูกของตำรวจจริง แต่เป็นเป็นตำรวจชั้นประทวนยศดาบตำรวจใน จ.พระนครศรีอยุธยาและเกษียณอายุราชการแล้ว

โดยหลังจากนี้ จะนำตัวทั้ง 6 รายไปแจ้งข้อหาและสอบปากคำตลอดทั้งคืนนี้ คาดว่าจะสามารถนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาได้ในวันพรุ่งนี้เวลา 10.30 น. อีกทั้งจะต้องเรียกทั้งวินมอเตอร์ไซค์ที่เห็นเหตุการณ์ วินมอเตอร์ไซค์ที่บาดเจ็บและเจ้าของรถเบนซ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนประเด็นที่กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์กลัวว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะเป็นพวกผู้มีอิทธิพลนั้น ทางผู้กำกับการยืนยันว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยไม่สนใจว่าใครจะมีอิทธิพลอย่างไร

ขณะที่นายเบียร์ ผู้ที่ถูกคนขับรถเบนซ์ชกต่อยได้รับบาดเจ็บจากเหตุชุลมุนในซอยทองหล่อ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนกำลังขับรถไปรับลูกค้าที่วิน ตอนนั้นกำลังวิ่งเลนขวาข้ามไปอีกฝั่ง ปรากฎว่า ฝั่งรถเบนซ์ได้ขับปาดซ้ายขึ้นมาด้วยความเร็ว พวกตนเลยบีบแตรเตือนไป ฝั่งรถเบนซ์กับไม่พอใจ จึงขับมาจอดขวางกลางถนน พร้อมเหน็บปืนไว้ที่เอวข้างขวาแล้วพูดท้าทายว่า มาดิ ๆ ก็เลยตอบโต้กลับไปว่า ทำไมขับรถไม่ดู แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ คนขับรถเบนซ์ก็เดินปรี่กำหมัดซ้ายมาชกเข้าที่ใบหน้าตนบริเวณแก้มด้านขวา 1 ครั้งอย่างแรง แต่ไม่มีรอยช้ำ โดยที่ตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน แล้วจากนั้นก็มีพวกวินมอเตอร์ไซค์ด้วยกันวิ่งมาห้ามปรามและแยกตนกับฝั่งคนขับรถเบนซ์ออก โดยที่ตนยังไม่ทันตอบโต้อะไรฝั่งคนขับรถเบนซ์เลย

ขณพเกิดเหตุ มีเพียงคนขับรถเบนซ์คนเดียวที่ทำร้ายร่างกายตน ในรถเบนซ์มีผู้หญิงมาด้วย 4 คนแล้วผู้ชายรวมคนขับอีก 2 คน เบ็ดเสร็จทั้งสิ้น 6 คน  สังเกตเห็นว่า ทั้งคนขับรถเบนซ์และผู้โดยสารต่างมีอาการมึนเมา ตาแดง ทุกคน ทั้งนี้ตนได้กลิ่นสุราด้วย คาดว่าสาเหตุเกิดจากการที่คนขับรถเบนซ์พยายามจะขับปาดหน้าแซงรถพวกตนที่ขี่กันมาตามปกติ ตนเองรู้สึกกลัวอย่างมากจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะฝั่งรถเบนซ์มีทั้งอาวุธปืนและเกรงว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพล ตนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างมา 8-9 ปีก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook