แทบขาดใจ! สองนักเรียนหญิง ขี่ จยย.ฝ่าสายฝนไปโรงเรียน ถูกรถพ่วงเหยียบร่างดับคู่

แทบขาดใจ! สองนักเรียนหญิง ขี่ จยย.ฝ่าสายฝนไปโรงเรียน ถูกรถพ่วงเหยียบร่างดับคู่

แทบขาดใจ! สองนักเรียนหญิง ขี่ จยย.ฝ่าสายฝนไปโรงเรียน ถูกรถพ่วงเหยียบร่างดับคู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 25 สิงหาคม 2566 พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เหยียบเด็กนักเรียนหญิงเสียชีวิต 2 ราย

เหตุเกิดบริเวณหน้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดอุดรธานี ต.นิคมสงเคราะห์ หลักกิโลเมตรที่ 14 ถนนอุดร-หนองบัวลำภู ฝั่งขาเข้าเมืองอุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน รุดออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุ พบศพ น้องเบล อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 และ น้องเนย อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 สภาพศพถูกรถชนและเหยียบร่างแหลกเละอุดรธานี

ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าสกู๊ปปี้ สีเทาดำ ล้มตะแคงอยู่ริมถนน พังเสียหายเล็กน้อย โดยมีญาติผู้เสียชีวิตที่ทราบข่าว เดินทางไปที่เกิดเหตุ ต่างร้องไห้ด้วยเศร้าโศกเสียใจ ดังระงมในพื้นที่ สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ที่พบเห็น

ห่างไปประมาณ 800 เมตร รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว จอดอยู่ริมถนน ไม่มีร่องการเชี่ยวชน มีนายอนันต์ อายุ 38 ปี แสดงตัวเป็นผู้ขับรถบรรทุกพ่วง ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ

นายอนันต์ คนขับรถพ่วง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนขับรถบรรทุกหินจาก อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จะไปส่งให้นายจ้างที่ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี ออกมาตั้งแต่ 05.00 น. ตนขับมาด้วยความเร็วปกติ

ก่อนถึงจุดเกิดเหตุตนเบี่ยงเข้าเลนขวาเล็กน้อย เพื่อแซงรถจักรยานที่อยู่ข้างหน้า เมื่อแซงไปได้สักพักก็มีคนขี่รถจักรยานยนต์ตามมาบอกให้จอด

ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุ เมื่อจอดรถแล้วก็ลงมายืนรออยู่หน้ารถ ไม่ได้หลบหนี และโทรบอกนายจ้าง ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาสอบถาม

“ตนขับรถพ่วงมาตามปกติ ไม่ได้ชนรถจักรยานยนต์ ไม่ได้ชนอะไรทั้งสิ้น และไม่รู้ว่าเหยียบคนตาย ไม่เห็นเด็กขับรถจักรยานยนต์มาด้วยซ้ำ

พอรู้ว่าเป็นเด็กนักเรียน ก็ตกใจมาก เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตนก็มีลูกเรียนอยู่ชั้น ม.2 เช่นกัน พูดถึงก็ยังสลดใจ ขนลุกไปหมด ขอโทษญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตด้วย ตนก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และจะช่วยทำบุญกับญาติผู้ตายด้วย”

หลังจากนั้นญาติผู้ตาย ได้เดินทางมาที่ สภ.ห้วยหลวง เพื่อมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตำรวจ และได้พูดคุยสอบถาม นายอนันต์ ว่าเหตุเกิดขึ้นอย่างไร นายอนันต์ได้ยกมือไหว้ขอโทษ ส่วนญาติพี่น้องก็รับฟังด้วยความเข้าใจ แต่ก็ร้องไห้เสียใจอยู่ตลอดเวลา

ด้านนางสุบิน อายุ 63 ปี ยายน้องเบล เล่าทั้งน้ำตาว่า น้องเบลกับน้องเนย เป็นญาติกัน พ่อแม่ของทั้งคู่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ปกติน้องเบลจะนั่งรถตู้รับส่งไปโรงเรียน ส่วนน้องเนยนั่งรถโดยสารไปเอง

แต่เมื่อเย็นวานนี้น้องเนยมานอนกับน้องเบล เมื่อเช้านี้ทั้งสองอาบแต่งชุดนักเรียนเสร็จแล้ว ตนบอกให้น้องเบลว่ารถตู้รับส่งมาแล้ว แต่น้องเบลไม่ไปจะขี่รถจักรยานยนต์ไปกับน้องเนย ตนจะห่อข้าวให้ก็ไม่เอา ตนบอกให้เอาหมวกกันน็อค ตาบอกให้เอาเสื้อกันฝน

สั่งหลานว่าอย่าขับรถเร็วเพราะฝนมันตก น้องเบลขอเงินเติมน้ำมันรถ แต่ตนบอกว่าไม่มี เย็นนี้จะขายมันสำปะหลังค่อยมาเอา ทั้งสองได้ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันออกไปไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่ารถชนน้องเบลและน้องเนย เสียชีวิต

“ ตนมีลางสังหรณ์ เมื่อ 2-3 วันก่อน รถยนต์พ่อน้องเบล ซึ่งจอดอยู่ในบ้าน แต่เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นมาเอง เสียงดังมากจนตกใจ และหนังตาข้างขวาของตนกระตุกหลายครั้ง ซึ่งคนโบราณเชื่อว่าตากระตุก ข้างขวาเป็นเรื่องร้าย ข้างซ้ายเป็นเรื่องดี

เมื่อเช้านี้ตนก็ยังเห็นหลานทั้งสองอยู่เลย แต่ตอนนี้หลานเสียชีวิตแล้ว ซึ่งญาติกำลังไปติดต่อรับศพน้องเบลนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศ ส่วนน้องเนย นำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน”

พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการเฉี่ยวชน รถจักรยานยนต์มีร่องรอยการล้มที่ด้านหน้าเล็กน้อย พื้นถนนมีรอยลากเป็นทางยาวประมาณ 3 เมตร

คาดว่าเกิดจากรถพ่วงเกี่ยวรถจักรยานยนต์บดไปกับพื้นถนน ส่วนรถพ่วงก็ไม่มีร่องรอยการชน คาดว่าเด็กขับรถจักรยานยนต์เพื่อรีบไปโรงเรียน แต่เนื่องจากฝนตกตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ทำให้มีน้ำขังบนพื้นถนน

อาจจะทำให้ลื่นและล้มลง เมื่อรถพ่วงขับตามมา พ่วงตัวลูกจึงเหยียบเข้าอย่างจัง โดยยังไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนขับรถจักรยานยนต์

ซึ่งจะได้สอบสวนคนขับรถพ่วงอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาณเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต” 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook