ส่อง “ครม.เศรษฐา 1” พบ 4 ตระกูล สืบทอดอำนาจจากรัฐบาลเดิมสู่รัฐบาลใหม่
คณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 1” พบมี 4 ตระกูล ที่สืบทอดอำนาจจากรัฐบาลเดิมมีพี่น้อง และพ่อลูก เริ่มจากตระกูลแรกค่ายพลังประชารัฐ เดิมในรัฐบาลลายพราง ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โออ่าในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีลำดับ 1 สะสมบารมีมากว่า 9 ปี พร้อมแอบฝันว่าอยากขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่สักครั้งในชีวิต มีการเดินหมากกลเกมการเมืองหลายชั้นทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ทั้งดีลลับ ดีลลวง ลับลวงพรางซับซ้อน แต่ในที่สุดไปไม่ถึงฝั่งฝันตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหาร
ต่อมาเมื่อมาถึงรัฐบาลเสี่ยนิด ลุงป้อมวางมือยุติบทบาท ลาออกจาการเป็นสส. จากนั้นส่งไม้ต่อให้น้องป๊อด “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ขึ้นบัลลังก์อำนาจ เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ทว่าการขึ้สู่อำนาจของน้องป๊อดไม่ได้ราบรื่นไปเสียทีเดียว เพราะกลายเป็นสินค้าที่มีตำหนิ ถูกนักร้องนำความไปร้องเรียนให้ตรวจสอบคุณสมบัติ กรณี การถูกออกจากราชการ จะขัดต่อการขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่
ตระกูลที่2 “ชิดชอบ” ซึ่งมีคนเคยบอกว่าไว้คนนามสกุลนี้ ต้องมา”ชิด” ถึงจะ”ชอบ” เดิม “เสี่ยโอ๋-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”ใต้ร่มเงาพี่ชาย “เนวิน ชิดชอบ” เข้ามาเสวยอำนาจในตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม”ในสมัยรัฐบาลลุงตู่ แต่ต่อมาต้องมรสุม วันที่ 3 มี.ค.2566 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “ศักดิ์สยาม” หยุดปฏิบัติหน้าที่”รัฐมนตรี” กรณีถูกร้องเรื่องถือหุ้นบริษัทเอกชน จึงทำให้ไม่สามารถต่ออายุอำนาจต่อได้ จึงต้องยอมให้พี่ชายอีกคนมาใหญ่โตแทน
ซึ่งก็คือ “พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ” อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดโผ “เสมา 1” คุมกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งพล.ต.อ.เพิ่มพูน เคยตกอยู่ในกระแสดราม่ารุนแรงเมื่อกรณีคดี “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ที่อัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะ พล.ต.อ.เพิ่มพูน เป็นผู้ลงนามแทน ผบ.ตร. ในการไม่เห็นแย้ง สรุปเป็นอันคดียุติ และต่อมาเมื่อมีคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบ เขาเป็นคนเดียวที่รอดพ้นข้อกล่าวหา เป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้มนทิลมัวหมอง
ตระกูลที่3 “ไทยเศรษฐ์ ” เดิม “มนัญญา ไทยเศรษฐ์ “จากอดีตนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี บายพาสขึ้นสู่อำนาจ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เธอดังมากตอนที่ออกตัวค้านสารคลอร์ไพริฟอส และพาราควอต ในภาคการเกษตรของประเทศไทย ต่อมาในศึก เลือกตั้งปี 2566 เธอส่งลูกชาย เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ เข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานีได้สำเร็จ และส่งไม้อำนาจต่อให้พี่ชายแทน
นั้นคือ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” สส.อุทัยธานีเขต2 รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ ว่าที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เขาใช้ชีวิตในลักษณะคนจริง แต่คนทั่วไปคิดว่าเป็นเจ้าพ่อ หรือ นักเลง เขาดังในโลกโชเชี่ยลสุดขีดเมื่อลุกขึ้นพูดในสภาในประเด็นที่คัดค้านการแก้ไขมาตรา112 แบบสุดชีวิตถวายหัว และคราวนี้เมื่อขึ้นสู่อำนาจ แน่นอนว่าต้องมีการเตะสกัดด้วยการเผยแพร่รูปภาพต่างๆและมีการแซะในลักษณะให้มีการตรวจปัสสาวะผู้จะเป็นรัฐมนตรีก่อนรับตำแหน่ง
ตระกูลที่4 “หวังศุภกิจโกศล” ค่ายภูมิใจไทย ตระกูลคหบดีชื่อดังแห่งเมืองโคราช เดิม “กำนันป้อ-วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อมาเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 เขาได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และวางมือทางการเมืองเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ พร้อมกับวางตัวทายาทสืบทอดอำนาจไว้แล้ว
นั้นคือ “น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ลูกสาวสุดเลิฟกำนันป้อ วัยแแค่41ปี จ่อผงาดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา “สุดาวรรณ “เป็น สส.บัญชีรายชื่อลำดับ 21 ค่ายเพื่อไทย นักธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรรายใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ผ่านประสบการณ์การบริหารงานในภาคเอกชนระดับประเทศ เธอจบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และเธอจะเป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ตามต้องติดตามว่า 4 รัฐมนตรีใหม่ที่มีจากเครือญาติ นามสกุลเดียวกันกับรัฐบาลชุดเดิมจะทำงานได้เข้าตาประชาชนแค่ไหน?