"เศรษฐา" คุย ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ขอแบ็คอัพพัฒนาประเทศ "สุทิน" ลั่นลดเกณฑ์ทหารทันที
"เศรษฐา" คุย ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ขอให้ทหารเป็นแบ็คอัพ ช่วยพัฒนาประเทศ "สุทิน" ลั่นกองทัพพร้อมทำตามนโยบาย รบ. ลดการเกณฑ์ทหารเห็นผลทันที
มีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่ ได้แก่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบก และพล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ โรงแรมโรสวูด เพลินจิต โดยมีการหารือกันประมาณ 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า การพบปะครั้งนี้เพื่อทำความรู้จักกัน โดยนายเศรษฐาได้ขอให้ทหารมาร่วมกันพัฒนาประเทศ และขอให้ทหารช่วยเป็นแบ็คอัพ อยากให้จับมือไปด้วยกัน เพราะประเทศเป็นของพวกเราทุกคน ซึ่งการพบปะครั้งนี้ยังไม่มีการพูดคุยลงลึกในรายละเอียดแผนงานของกองทัพ เพราะยังไม่ถึงเวลา พร้อมกันนี้นายเศรษฐาได้ให้นายสุทิน ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปทำการบ้านงานในตำแหน่งมา ซึ่งนายสุทิน ก็รับฟังและร่วมแลกเปลี่ยนกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ต่อมา นานสุทิน กล่าวว่า กรณีไปพูดคุยถึงสถานการณ์ของประเทศ สอบถามปัญหาและแลกเปลี่ยนความต้องการของแต่ละฝ่าย ซึ่งทางฝ่ายการเมืองได้ระบุว่าอยากผลักดันนโยบายต่างๆ อาทิ การเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นรูแบบสมัครใจ การร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นที่พึ่งของประชาชนมากยิ่งขึ้น ร่วมถึงสอบถามความต้องการของกองทัพว่ามีความต้องการอยากให้รัฐบาลสนับสนุนในเรื่องใดบ้าง รวมถึงมีความกังวลหรืออุปสรรคอะไรเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพมีความเห็นไปทิศทางเดียวกับรัฐบาล ที่เขาเองก็ปรับปรุงองค์กรมาโดยตลอด ไม่ขัดข้องอะไรและยินดีปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนจะทำได้ช้าหรือเร็ว ก็จะสะท้อนให้รัฐบาลทราบถึงข้อติดขัดให้รัฐบาลช่วย
ส่วนสิ่งที่กล่าวมาจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ นายสุทิน ระบุว่า จะเห็นผลเป็นรูปธรรมในทันที ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจ ในเดือนเม.ย.ปี67 ที่จะมีการเกณฑ์ทหารอีกครั้ง จะเห็นอัตราเกณฑ์ทหารที่ลดลงจากเดิมอย่างแน่นอน และจะค่อยๆหมดไปจนเหลือเพียงการเข้ากองทัพแบบสมัครใจ รวมถึงการปรับลดขนาดกองทัพ ที่สังคมมองว่ากองทัพมีนายพลมากเกินไปนั่น เท่าที่คุยกับทางกองทัพเขามีแผนปรับลดในส่วนนี้อยู่ ภายในปี 70 หรือในรัฐบาลนี้กองทัพจะกระชับลง นายพลจะหายไปจำนวนมาก ส่วนจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์นั้นกองทัพกำลังทำตัวเลขมาให้ดู และที่ผ่านมาเขามีแผนอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์ และเท่าที่ได้พูดคุยกันเมื่อนายกฯได้ฟังความเห็นของกองทัพแล้วก็มีความสบายใจ
ส่วนหนักใจหรือไม่กับการคุมกองทัพ นายสุทิน กล่าวว่า เดิมหนักใจ แต่เมื่อมาถึงตอนนี้สบายใจขึ้นมาก เพราะการทำงานกับคนมีวินัยเขาพูดง่าย และเท่าที่ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดใหม่ๆ ถือเป็นจังหวะที่ดีของตนที่ได้เข้าไปพัฒนา ส่วนนโยบายที่จะเอาทหารออกมาเพิ่มบทบาท พัฒนาเป็นที่พึ่งประชาชน เขาก็ตอบรับว่าเป็นภารกิจของกองทัพอยู่แล้ว เพราะความยากจนเป็นภัยชนิดหนึ่ง กองทัพยินดีปฏิบัติ เช่นใช้ทหารเข้ามามีส่วนร่วมแก้ภัยแล้งเขาก็พร้อม การนำที่ดินของทหารที่ไม่ได้ใช้งานมาให้ประชาชนทำกิน หรือให้หน่วยงานอื่นไปใช้ประโยชน์ เช่นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งน้ำเขาก็ยินดี แต่รัฐบาลต้องจัดการระเบียบปฏิบัติให้ รวมถึงเรื่องปราบยาเสพติด ทหารเขาเคยรับบทบาทนี้มาโดยตลอด เขาก็ยินดีสนองนโยบายรัฐบาล โดยทั่วไปถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ทำให้มั่นใจว่า กองทัพจะมีบทบาทออกมาช่วยแก้ปัญหาประเทศร่วมรับรัฐบาล และจากการพูดคุยสิ่งที่ทั้งฝ่ายการเมืองและกองทัพเห็นตรงกันคือ กองทัพต้องมีการยกเครื่องงานประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาทองทัพทำเรื่องที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก แต่สังคมรับรู้อีกอย่างทำให้สังคมมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกองทัพ
นายสุทิน กล่าวอีกว่า หลังจากพูดคุยกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพแล้ว หลังจากนี้จะไปพบอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกําพล สุวรรณทัต รวมถึงพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร และกำลังประสานเข้าพบ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์, พล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ รวมถึงจะพบนักวิชาการด้านความมั่นคง อาทิ นายสุรชาติ บำรุงสุข และนายปราโมทย์ นาครทรรพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นแง่มุมต่างๆด้านความมั่นคงต่อไป