พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เปิดใจรายการแฉ สาเหตุที่ยังยิ้มได้แม้โดนการเมืองกลั่นแกล้ง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เปิดใจรายการแฉ สาเหตุที่ยังยิ้มได้แม้โดนการเมืองกลั่นแกล้ง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เปิดใจรายการแฉ สาเหตุที่ยังยิ้มได้แม้โดนการเมืองกลั่นแกล้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยกับรายการแฉเมื่อวันจันทร์ (4 ก.ย.) ถึงสาเหตุที่ยังยิ้มได้และมีกำลังใจดีในการทำงานการเมือง แม้โดนหลายฝ่ายกลั่นแกล้งจนพลาดจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่มาจากพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง

หัวหน้าพรรคก้าวไกลเผยว่าตนยึดถือเอาคำกล่าวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ นางฮิลลารี คลินตัน ที่ให้แยกการเมืองออกจากความรู้สึกส่วนตัว

"สาเหตุที่ผมยังยิ้มได้จนตอนนี้เพราะว่าคำพูดของนักการเมืองคนหนึ่งตอนที่ผมเรียนอยู่เกี่ยวกับการเมืองที่อเมริกา คนนั้นชื่อ ฮิลลารี คลินตัน แล้วเขาพูดบอกว่าในการเมืองเนี่ย Don't take personal things personally. แปลเป็นไทยก็คือว่าอย่าคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณในการเมืองอะเป็นเรื่องส่วนตัว" นายพิธา กล่าว

"ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นเพราะพิธาหรือบุคลิกของพิธา แต่ใครก็ตามที่คิดที่จะมาท้าทายอำนาจเก่า ต้องการที่จะให้อำนาจเป็นของประชาชนในหลายๆ รูปแบบในวิธีคิดของเรา ถูกไม่ถูกจริงๆ มันไปคุยกันในสภาได้ แต่ผมนำข้อเสนออย่างงี้แล้วประชาชนชอบ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น"

เมื่อเดือน เม.ย. 2560 นางคลินตันร่วมพูดคุยในงาน Women in the World (วีเมน อิน เดอะ เวิลด์) ว่าสังคมสหรัฐถูกโครงสร้างการเมืองหล่อหลอมให้ผู้หญิงถูกตัดสินว่าถ้าประสบความสำเร็จจะเป็นคนไม่น่ารัก หรือถ้าเป็นคนน่ารักจะไม่ประสบความสำเร็จ ต่างจากผู้ชายที่จะถูกมองว่าเป็นคนน่ารักตามระดับการประสบความสำเร็จ แต่ตนพยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการทำงานให้ดีที่สุดและเปิดรับคำวิจารณ์ต่างๆ แต่ไม่นำมาคิดเป็นเรื่องส่วนตัว เพื่อให้การแปะป้ายตนว่าเป็นคนแบบนั้นแบบนี้ทำร้ายตนไม่ได้

นางฮิลลารี คลินตัน ในงาน Vital Voices Global Festival วันที่ 5 พ.ค. 2566Anna Moneymaker/Getty Imagesนางฮิลลารี คลินตัน ในงาน Vital Voices Global Festival วันที่ 5 พ.ค. 2566

"Toughen up your skin, take critism seriously but not personally." (ทำใจให้แกร่ง จริงจังกับคำวิจารณ์ แต่ไม่เก็บมาคิดเป็นเรื่องส่วนตัว)

"ฉันเปิดกว้างเสมอให้กับคนที่บอกว่าคุณควรทำแบบนั้นแบบนี้ บางทีฉันก็ไม่รู้หรอกว่าจะแก้สิ่งที่พวกเขากังวลยังไงแต่ฉันก็พยายาม เพราะฉะนั้นฉันจริงจังกับมัน แต่ฉันไม่และก็ไม่มานานแล้วที่จะเก็บมาคิดเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะว่าส่วนที่พูดโจมตีเรื่องส่วนตัว ส่วนที่กลั่นแกล้ง ส่วนที่เรียกคนอื่นว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ ที่หนักข้อขึ้นเพราะอินเทอร์เน็ต มันมีไว้บดขยี้จิตวิญญาณของคุณ ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีพอ ทำให้คุณสงสัยตัวเอง และฉันก็ไม่เอาอีกแล้วค่ะ มันก็เลยทำอะไรฉันไม่ได้แล้ว"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook