"แพลงก์ตอนบลูม" คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร หรือเป็นคำเตือนมนุษย์ทำลายธรรมชาติ รอวันถูกเอาคืน
แพลงก์ตอนบลูม (Plankton Bloom) ที่ทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีเขียว ที่มักพบเห็นได้ในพื้นที่ชายฝั่ง ไม่เพียงแต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ตามปกติเท่านั้น แต่การที่เกิดบ่อยครั้งขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาณจากธรรมชาติว่าโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่อาจนำมาสู่ภัยต่อมนุษย์ก็ได้ แล้วปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง
แพลงก์ตอนบลูมคืออะไร
แพลงก์ตอนบลูม (Plankton Bloom) คือ ปรากฏการณ์ที่แพลงก์ตอนบางชนิดเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างผิดปกติจนทำให้น้ำทะเลมีสีสันผิดไปจากปกติ แพลงก์ตอนเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในน้ำ ทั้งน้ำทะเลและน้ำจืด แพลงก์ตอนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ แพลงก์ตอนพืช ที่สร้างอาหารด้วยกระบวนการสังเคราะห์แสง และแพลงก์ตอนสัตว์ ซึ่งกินแพลงก์ตอนพืชหรือแพลงก์ตอนสัตว์ด้วยกันเป็นอาหาร
แพลงก์ตอนบลูม สาเหตุเกิดจากอะไร
แพลงก์ตอนบลูม เกิดมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
- สารอาหารในทะเลเข้มข้น
แพลงก์ตอนพืช (ไฟโตแพลงก์ตอน) เป็นสิ่งมีชีวิต ดังนั้นก็ต้องการสารอาหารเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต เช่น ไนโตรเจน และฟอสฟอรัสส ดังนั้นเมื่อมีสารอาหารเหล่านี้อยู่ในน้ำทะเลเป็นปริมาณมาก แพลงก์ตอนพืชจะขยายพันธุ์ได้เร็ว ทำให้เกิดมีจำนวนมหาศาลจนเข้มข้นกลายเป็นสีเขียวหรือสีต่างๆ ตามชนิดของแพลงก์ตอนพืชเหล่านั้น - แสงแดดจัด
นอกจากสารอาหาร แพลงก์ตอนพืชยังต้องการแสงแดดเพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (ไฟโตซินเธไซซ์) ดังนั้นการเกิดขึ้นเป็นปริมาณมหาศาล (การบลูม) ก็จะเกิดขึ้นได้ในบริเวณน้ำตื้น ที่มีแสงส่องถึง ได้มากกว่าบริเวณน้ำลึก - อากาศร้อน
แพลงก์ตอนพืชยังชอบอากาศที่อบอุ่นมากกว่าบริเวณอื่นที่อากาศเย็น จึงไม่แปลกใจเลยที่จะพบปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูมในเดือนที่มีอากาศร้อน - การไหลของกระแสน้ำ
สิ่งนี้ยังช่วยให้สารอาหารต่างๆ ในท้องทะเลเข้ากับแสงแดดในกระแสน้ำ ซึ่งยิ่งส่งผลให้แพลงก์ตอนพืชเติบโตเร็ว แต่น้ำนิ่งก็เกิดแพลงก์ตอนบลูมได้ ถ้าหากมีสารอาหารเพียงพอ - สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย
พายุก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้เกิดแพลงก์ตอนบลูม เพราะช่วยปั่นกระแสน้ำและน้ำสารอาหารขึ้นมาสู่ผิวน้ำ - น้ำมือมนุษย์
แม้ทะเลจะกว้างใหญ่ แต่มนุษย์อย่างเราก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้ด้วยการปล่อยสารอาหารลงสู่ทะเล เช่น- น้ำปนเปื้อนปุ๋ย
- น้ำเสียและสิ่งปฏิกูล
- น้ำฝนตามท่อที่ชะล้างดินและสารอาหารหลังฝนตกหนัก
Sanook Regional
ผลเสียของแพลงก์ตอนบลูม
แม้การเกิดขึ้นอย่างมหาศาลของแพลงก์ตอนพืชทุกชนิดจะไม่ได้เป็นอันตราย แต่บางชนิดถ้าหากเกิดการบลูมแล้วก็จะผลิตสารพิษออกมาทำร้ายทั้งมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม และอาจส่งผลกระทบได้ดังนี้
- ผสเสียต่อสุขภาพมนุษย์
สารพิษที่แพลงก์ตอนบลูมออกมาอาจทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้น้ำเกิดผื่นคันที่ผิวหนัง ปัญหาทางเดินหายใจ และอาจทำให้ผู้ที่สัมผัสกับน้ำในบริเวณดังกล่าวเสียชีวิตได้ - ผลเสียต่อสุขภาพสัตว์
สารพิษจากแพลงก์ตอนบลูม ทำให้ปลา สัตว์น้ำที่มีแปลก และสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ตายได้ - ผลเสียต่อระบบนิเวศ
หากมนุษย์และสัตว์น้ำตาก็อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร และอาจทำลายระบบนิเวศใต้ท้องทะเลในที่สุด
นอกจากผลเสียต่อสุขภาพคน สัตว์ และระบบนิเวศแล้ว การที่เกิดแพลงก์ตอนบลูมถี่ขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ชี้ได้ว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลกำลังเพิ่มขึ้นและสภาพอากาศกำลังปั่นป่วนจากภาวะโลกร้อน การเกิดแพลงก์ตอนบลูมก็ชี้ได้ว่าธรรมชาติกำลังเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาคการเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารของมนุษย์
Sanook Regionalแนวทางควบคุมแพลงก์ตอนบลูม
อย่างไรก็ตาม แพลงก์ตอนบลูม ก็มีวิธีการป้องกันหรือควบคุมไม่ให้เกิดขึ้นถี่เกินไปหลายวิธี เช่น
- ลดการปล่อยสารอาหารลงสู่ทะเล
วิธีนี้ทำได้โดยการลดการใช้ปุ๋ยหรือพื้นที่เกษตร บำบัดน้ำเสียให้ถูกต้อง และการจัดการน้ำฝนที่ตกลงมา - ให้ความรู้ต่อสาธารณชน
ทุกคนควรตระหนักรู้ถึงอันตรายต่อสุขภาพที่เกิดจากแพลงก์ตอนบลูม และวิธีการปกป้องตัวเองและครอบครัว - เฝ้าระวังคุณภาพน้ำ
การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ทราบว่ามีปัญหาใดที่จะเกิดขึ้นได้ เพื่อจะได้ลงมือป้องกันไม่ให้เกิดแพลงก์ตอนบลูม - วิจัยเพื่อหาเทคโนโลยีใหม่
ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการควบคุมผลเสียจากแพลงก์ตอนบลูม เช่น การใช้แบคทีเรียในการลดสารพิษจากแพลงก์ตอนสายพันธุ์อันตราย
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ